ทางเลือกของการดูแลตัวเองให้ดูดีจากภายใน ด้วยการให้วิตามิน สารอาหารเข้มข้น หรือที่รียกว่า IV Drip ซึ่งมีที่มาจากคำว่า “IV Vitamin therapy” หรือการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ โดยตัวยาจะประกอบด้วย วิตามินเข้มข้น หลายชนิด รวมไปถึงแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่ากายด้วย การให้วิตามินนอกจากจะช่วยเรื่องการบำรุงดูแลผิวแล้ว ก็ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกด้วย

เมื่อไม่นานมานี้การทำ IV Drip เริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของ โควิด-19 ผู้คนยิ่งหันมาดูแลตัวเองด้วยการให้วิตามินผ่านสายน้ำเกลือ เพื่อเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย เป็นการดูแลตัวเองจากภายในสู่ภายนอก

IV Vitamin therapy

IV Vitamin therapy หรือที่รู้จักกันในชื่อ IV Drip คือ การให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ เป็นการให้ตัวยาที่มีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุ เข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงผ่านทางสายน้ำเกลือ ในการให้วิตามินเข้มข้น ผ่านทางสายน้ำเกลือ 1 ครั้งอาจจะใช้เวลานานประมาณ 30 นาที ซึ่งจุดเด่นของการให้วิตามินด้วยวิธีนี้ ก็คือการที่ร่างกานสามารถดูดซึมวิตามิน แร่ธาตุ ได้มากกว่า 90% เมื่อเทียบกับการรับประทานวิตามิน ที่จะต้องผ่านกระบวนการย่อยอาหาร จึงทำให้ร่างกายดูดซึม และนำเอาวิตามินไปใช้ได้แค่เพียงประมาณ 50% ของปริมาณที่รับประทานเข้าไปเท่านั้น

ในปัจจุบันมีวิตามินด้วยกันหลายสูตร ซึ่งจะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไปตามจุดประสงค์ในการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการให้วิตามิน เพื่อการฟื้นบำรุงผิว ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว รวมไปถึงการให้วิตามินเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ส่วนประกอบสำคัญอาจจะประกอบด้วย วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ดังนี้

วิตามินสำหรับการดูแลผิว

สูตรวิตามินที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ผิวนุ่ม มีความกะจ่างใส ไม่หมองคล้ำ จะประกอบด้วยวิตามินที่เป็นส่วนผสมหลัก ดังนี้

• วิตามิน C : วิตามินซี จะปกป้องผิวไม่ให้เกิดความเสียหายจากสารอนุมูลอิสระ เช่น ริ้วรอย ที่มีสาเหตุมาจาก ผิวที่ขาดความยืดหยุ่น และวิตามินซียังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวด้วย ทำให้ผิวยืดหยุ่นและแข็งแรง
• วิตามิน E : วิตามินอี เป็นส่วนสำคัญในการที่จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว เพราะมีผลต่อการสร้างเกราะป้องกันให้กับผิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ต้านการอักเสบ ลดการระคายเคืองของผิว ลดรอยแดง และปรับสมดุลให้กับผิว
• วิตามิน B รวม : Vitamin B Complex หรือ วิตามินบีรวม ซึ่งประกอบด้วย วิตามิน บี1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 และวิตามินบี 12 ที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรง ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว สร้างเกราะป้องกันให้กับผิว กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวสุขภาพดี
• วิตามินเอ A : วิตามินเอจะช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ และจุดด่างดำ ลดเลือนลง ทั้งยังช่วยลดโอกาสที่จะเป็นสิวอักเสบอีกด้วย

วิตามินสำหรับการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

สูตรวิตามินที่ใช้ในการเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดี จะประกอบด้วยวิตามินที่เป็นส่วนประกอบหลักดังนี้

• วิตามิน C : เนื่องจากวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากจะช่วยในเรื่องของการบำรุงผิว การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแล้ว ยังสามารถช่วยลดอาการอักเสบ และลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง วิตามินซียังเป็นส่วนช่วยในการผลิตเม็ดเลือดขาว ที่ใช้ในการกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ด้วย
• วิตามิน D : วิตามินดี เป็นส่วนสำคัญสำหรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยกระตุ้นเซลล์ ทำให้การทำงานของภูมิคุ้มกันเป็นปกติ และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ของร่างกายได้อีกด้วย
• ซิงค์ : Zinc หรือสังกะสี เป็นแร่ธาตุที่สำคัญ ที่มำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานอย่างเหมาะสม และช่วยควบคุมการทำงานของเอนไซม์ ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ที่ได้จากการให้วิตามินแบบ IV Drip

สิ่งที่จะได้จากการให้วิตามินเข้มข้น ผิวจะมีความยืดหยุ่นขึ้น เพราะมีการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น วิตามินจะช่วยทำให้เซลล์ผิวแข็งแรง ผิวจะมีสุขภาพที่ดี ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กระจ่างใส และยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานอย่างเป็นปกติ ทั้งนี้ต้องมีการให้วิตามินผิวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

และการฉีดวิตามินผิว ก็ไม่ได้ทำให้ผิวบางลง อย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจผิดกัน เพราะการให้วิตามิน จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของเม็ดสีเมลานิน ในเซลล์ผิวโดยตรง จึงทำให้ผิวขาว ใส ขึ้น นอกจากการบำรุงผิวจากภายในด้วยการดริปผิวแล้ว ควรมีการดูแลจากภายนอกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกินแคร์ ที่มีส่วนประกอบของ วิตามินซี วิตามินอี รวมไปถึงการใช้ ครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิว ไม่ให้ถูกทำร้ายจากรังสียูวี ทั้ง UVA และ UVB

การให้วิตามินเข้มข้น ทางหลอดเลือดดำ จะสามารถทำได้อย่างปลอดภัยก็ต่อเมื่อ ได้รับการดูแล และอยู่ภายใต้การควบคุมของบุคลากรทางการแพทย์ เพราะจะต้องมีการคำนวณปริมาณการใช้วิตามินชนิดต่าง ๆ การประเมินอาการแพ้ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการใช้วิตามินบางชนิด ที่ไม่เหมาะสำหรับการฉีดเข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรง