ใต้ตาหมองคล้ำ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น ยังรวมไปถึงปัญหาขอบตาดำ ถุงใต้ตาคล้ำ ริ้วรอยรอบดวงตา เบ้าตาลึก ทำให้หน้าดูโทรม ดูแก่กว่าวัย ไม่สดใส ซึ่งในปัจจุบันวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาใต้ตาที่ตรงจุด รวเร็ว และเห็นผลได้ไวจะเป็นการใช้สารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูงอย่างฟิลเลอร์ โดยในครั้งนี้เราจะมาแนะนำฟิลเลอร์เกาหลีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันนั่นก็คืออีพีทีคิว และ E.P.T.Q filler ดีไหม จะใช้ฉีดจุดไหนได้บ้าง สามารถติดตามอ่านรายละเอียดได้ในบทความนี้
E.P.T.Q Filler
ฟิลเลอร์ E.P.T.Q (อี.พี.ที.คิว) เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic acid (HA) เป็นฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ที่สามารถสลายตัวเองได้ตามธรรมชาติ ไม่เกิดการตกค้างในร่างกาย โดยบริษัทที่ผลิตฟิลเลอร์อีพีทีคิว คือบริษัท Jetema Co., Ltd. จากประเทศเกาหลีใต้ และมีการนำเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทยอย่างถูกต้องคือ บริษัท Aestema (เอสทีมา) จำกัด E.P.T.Q ผ่านขั้นตอนกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน เน้นไปในเรื่องของคุณภาพ และความปลอดภัยที่สูงมาก โดยใช้ 3 เทคโนโลยีการผลิตอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ดังนี้
- กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี ZEEP (Zero Endotoxin & BDDE Entire Process) ที่ทำให้ได้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับสาร HA ที่มีอยู่ในร่างกาย ทำให้ฟิลเลอร์มีความปลอดภัยสูงมาก ไม่มีสารตกค้าง และลดโอกาสที่จะก่อให้เกิดอผลข้างเคียงหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว
- กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี Downing Process การใช้เทคโนโลยีการผลิตนี้จะทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์มีอนุภาคขนาดเล็ก มีความละเอียด เมื่อฉีดไปแล้วสามารถกลืนเข้ากับผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่เป็นก้อน ดูสวยเป็นธรรมชาติ
- กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี 2CM (Two Crosslinking Method Technology) ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้ตัวเนื้อเจลของฟิลเลอร์มีความหนืด มีการยึดเกาะได้ดี ยืดหยุ่นได้มากขึ้น เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียด ทำให้เมื่อฉีดแล้วจะเรียบเนียนไปกับผิว ไม่เป็นก้อน และมีส่วนผสมของยาชาที่จะช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์สมูทมากขึ้น
ฟิลเลอร์ E.P.T.Q ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก อย.ไทย มีด้วยกัน 3 รุ่น โดยแต่ละรุ่นจะมีเนื้อเจล และมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันเพื่อที่จะนำไปใช้แก้ไขปัญหาบนใบหน้าได้อย่างตรงจุด เหมาะสม และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ผิวหนังไม่ขรุขระ
- S100 : ฟิลเลอร์อีพีทีคิวรุ่นนี้จะมีส่วนผสมของยาชา และเป็นเนื้อเจลที่มีความบางเบา เนื้อสัมผัสละเอียด มีความยืดหยุ่นที่ค่อนข้างดี ทำให้ตัวฟิลเลอร์กลืนไปกับผิวได้ง่าย รุ่น S100 เหมาะสำหรับที่จะใช้เติมเต็มแก้ไขริ้วรอยตื้น ๆ ที่เกิดบริเวณผิวชั้นนอก เช่น หน้าผาก ขมับ ร่องใต้ตา หรือฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับปาก สามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน
- S300 : อีพีทีคิวรุ่น S300 มี่ส่วนผสมของยาชาเช่นกัน โดยเนื้อเจลจะมีความแข็งปานกลาง ไม่นิ่มหรือแข็งมากจนเกินไป จะถูกใช้ในการฉีดเพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้กับบริเวณที่ฉีดลงไป เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มร่องลึกปานกลาง เช่น การฉีดที่บริเวณหน้าผาก เติมขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม และฉีดที่บริเวณปาก สามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 9 เดือน
- S500 : ฟิลเลอร์รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีเนื้อเจลแข็งมากที่สุดเมื่อเทียบกันกับทั้งสามรุ่น ฟิลเลอร์มีอนุภาคที่แน่น มีส่วนผสมของยาชาทำให้สามารถปั้นขึ้นรูปได้เป็นอย่างดี มักจะถูกใช้กับบริเวณที่เป็นร่องลึก หรือบริเวณที่ต้องการยกกระชับ ปรับรูปหน้า เหมาะสำหรับการฉีดที่บริเวณ แก้มส้ม ร่องใต้ตาลึก จมูก คาง แนวสันกระดูกกราม หรือใช้ลิฟต์หน้า ซึ่งจะสามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
ขั้นตอนการตรวจสอบฟิลเลอร์ E.P.T.Q ของแท้
- ฟิลเลอร์ของแท้จะต้องมี Qr code ที่หน้ากล่องที่เมื่อสแกนแล้วจะพบรายละเอียดต่าง ๆ ได้
- โลโก้ของบริษัท Aestema รายละเอียดของฟิลเลอร์ โดยจะมี
- ภาพสินค้า
- โลโก้รับประกัน
- เลขที่จดทะเบียนเครื่องมือการแพทย์
- เลข Lot. รุ่นการผลิต วันเดือนปีที่ผลิต ซึ่งต้องตรงกับที่ระบุไว้บนกล่อง
- มีโลโก้บริษัท เอสทีมา จำกัด ที่ด้านข้างกล่อง
- มีเอกสารกำกับภาษาไทยให้ภายในกล่อง
- เลขทะเบียน อย. ด้านหลังกล่อง เลขที่ใบอนุญาต 64-2-1-2-0000397
คำถามที่ว่า E.P.T.Q filler ดีไหม ? ก็คงต้องบอกว่าถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการใช้สารเติมเต็มประเภทฟิลเลอร์เพราะมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทำให้ตัวฟิลเลอร์มีความปลอดภัยสูง มีความละเอียดและความยืดหยุ่นที่แตกต่างกัน เพราะถูกออกแบบมาให้ใช้ได้หลายจุดบนใบหน้า สามารถใช้ฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และถ้าหากต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็สามารถทำได้โดยตต้องผ่านการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ใต้ตาไม่เป็นก้อน
และถ้าหากต้องการฉีดฟิลเลอร์ในจุดอื่น ๆ บนใบหน้าควรปรึกษาแพทย์ที่มีความชำนาญในด้านการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อประเมินปัญหาที่พบ ประเมินรูปหน้า ไปจนถึงการเลือกใช้ฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะสม และปริมาณของฟิลเลอร์ เพื่อที่จะได้ฟิลเลอร์ที่เป็นของแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. และเพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่อาจก่อให้เกิดปัญหากวนใจตามมาในภายหลัง