การจัดการกับริ้วรอยบนใบหน้า ด้วยการ ฉีดโบลดริ้วรอย เป็นหัตถการที่จะเข้ามา จัดการกับความเหี่ยวย่น ความหย่อนคล้อยของผิว ที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย และ 5 ตำแหน่งที่นิยม ฉีดโบ ริ้วรอย มากที่สุดบนใบหน้า ได้แก่ หน้าผากและระหว่างคิ้ว รอยที่หางตา คิ้ว จมูก และลำคอ ทั้ง 5 จุดนี้เมื่อฉีดโบแล้วจะทำให้ริ้วรอยจางลง ผิวดูกระชับขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง
อย่างที่ทราบกันดีว่า การฉีดโบ เป็นทางเลือก ในการลดเลือนริ้วรอย และความเหี่ยวย่น ของใบหน้า ที่ทำแล้วเห็นผล และเป็นวิธีการเสริมความงามที่มีประสิทธิภาพ ถ้าหากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม มีการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ใบหน้าของคุณดูอ่อนเยาว์ ผิวเรียบเนียน ดูตึงกระชับเป็นธรรมชาติ
เมื่อคนเราอายุมากขึ้น รอยเหี่ยวย่นและเส้นเล็กๆ จะเด่นชัดขึ้นบนผิวหน้าของเรา เป็นเหตุผลที่ทำให้หลาย ๆ คน หาวิธีที่จะมาจัดการ ลดเลือนริ้วรอยเหล่านี้ ซึ่งวิธีการที่เป็นที่นิยมอย่างมาก ในปัจจุบันจะเป็นการฉีดโบริ้วรอย เพราะเป็นหัตถการที่ไม่ใช้การผ่าตัด เห็นผผลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ และชัดเจน ในครั้งนี้เราจะมาอธิบายถึงขั้นตอนการทำงานของโบ ว่าจะช่วยจัดการกับปัญหาผิวได้อย่างไร
และก่อนที่จะเจาะลึกเกี่ยวกับเรื่องการฉีดโบ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจปัญหาผิว ริ้วรอยก่อนว่า ริ้วรอยคือเส้น และรอยพับ ที่ก่อตัวขึ้นบนผิวหนังเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงอายุที่มากขึ้น การแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ แสงแดด และพฤติกรรมการใช้ชีวิต รอยย่นที่พบบ่อยสองประเภท ได้แก่ ริ้วรอยที่จะปรากฏขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อใบหน้าหดตัว และริ้วรอยที่จะมองเห็นได้แม้ไม่มีการแสดงสีหน้า
5 ตำแหน่ง ฉีดโบลดริ้วรอย
โบ หรือ Bo ย่อมาจาก Botulinum toxin เป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อการทำงานของระบบประสาท เป็นสารพิษที่ได้มาจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum โบจะทำงานโดยการเข้าไปปิดกั้นสัญญาณประสาท ที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัวชั่วคราว และเมื่อฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อบนใบหน้า โบจะยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยลดลง โบจะช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าที่สังเกตเห็นได้ชัด เช่น รอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว และรอยย่นบริเวณหน้าผาก
ทั้งนี้การที่จะเห็นผลลัพธ์จากการฉีดโบลดเลือนริ้วรอยได้นั้น จะต้องรอเวลาให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ จึงจะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ผิวยกกระชับ ริ้วรอยจางลง ร่องลึกดูตื้นขึ้น และในการฉีดโบริ้วรอย 1 ครั้งจะให้ผลลัพธ์ต่อเนื่องยาวนานประมาณ 3-4 เดือน หลังจากนั้นจะต้องมีการมาฉีดโบอีกครั้ง ไม่แนะนำให้ฉีดโบเยอะมากเกินความจำเป็น เพราะอาจจะทำให้ใบหน้าดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ และอาจรุนแรงถึงขั้นดื้อโบได้ ทำให้ในการฉีดโบครั้งต่อไปไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแก้ไขได้ยาก
ดังนั้นการฉีดโบ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าควรใช้โบ ในแต่ละจุดที่ปริมาณเท่าไร และต้องมาติดตามอาการตามที่แพทย์นัด เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากการใช้เพื่อแก้ไขความชราของผิวหน้าแล้ว โบ ยังถูกใช้ในการเสริมความงาม ด้านการปรับรูปหน้า และใช้ในทางการแพทย์ เพื่อรักษาอาการที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อได้อีกด้วย