ในปัจจุบัน การ ผ่าตัด ศัลยกรรม ก็เริ่มได้รับความนิยม กันอย่างเป็นวงกว้าง และมีแนวโน้มว่า จะมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี ซึ่งการทำศัลยกรรม ที่ได้รับความนิยมสูง จะได้แก่ การดึงหน้า การเสริมจมูก การทำตาสองชั้น และการเสริมหน้าอก และ การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการเสริมความงามที่เติมเต็มผิว ทำให้ริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้า ลดเลือนลง เรียบเนียนขึ้น ด้วยการฉีด กรดไฮยาลูโรนิก (HA) เข้าไปในผิวหนัง การฉีดฟิลเลอร์ 1 ครั้ง จะอยู่ได้นานหลายเดือนถึงหนึ่งปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ และบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
ซึ่งบริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่ ริมฝีปาก ร่องแก้ม และใต้ตา โดยในครั้งนี้ เราจะมาเปรียบเทียบ ให้คุณได้เห็นถึงความแตกต่าง ระหว่างการผ่าตัดศัลยกรรม และการฉีดฟิลเลอร์ บนใบหน้าทั้งสามจุด คือ หน้าผาก ปาก และคาง ว่ามีข้อดีและข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร สิ่งสำคัญคือ ต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านศัลยกรรม ก่อนทำทุกครั้ง เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจว่าวิธีการใดที่เหมาะ กับการปรับรูปหน้าของคุณมากที่สุด และได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
เปรียบเทียบระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ และการผ่าตัด
หน้าผาก
การเสริมหน้าผาก หรือการฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากจะเป็นการแก้ไขปัญหา หน้าผากแบน ไม่มีมิติ ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมใบหน้าดูโทรม ไม่สดชื่น ซึ่งการแก้ปัญหาหน้าผาก จะทำให้หน้าผากโค้งมนเข้ากับรูปหน้ามากขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก : การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เพื่อปรับรูปหน้า อาจจะต้องมีการเติมฟิลเลอร์ขมับร่วมด้วย เพื่อให้ใบหน้าได้สัดส่วน ดูแล้วละมุนมากขึ้น ในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอาจจะต้องใช้ฟิลเลอร์ด้วยกันหลาย cc เพื่อจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน จุดเด่นของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คือ เจ็บน้อยกว่าการ ผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก และปรับแต่งความนูนของหน้าผากได้ตามความเหมาะสม แต่ฟิลเลอร์จะไม่คงทนถาวรจะอยู่ได้เพียง 1-2 ปีเท่านั้น
- ผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน : จะเป็นการใช้แผ่นซิลิโคนที่มีรูปร่าง และขนาดที่เหมาะสมกับหน้าผากของผู้ที่จะเสริม เพื่อทำให้ได้รูปทรงหน้าผากตามที่ต้องการและรับกับโครงสร้างใบหน้ามากที่สุด ซึ่งจุดเด่นของการเสริมด้วยซิลิโคน คือจะได้รูปทรงหน้าผากแบบถาวร แต่ข้อควรระวัง คือ มีแผลจากการผ่าตัดตามแนวไรผม ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานประมาณ 1 เดือน และต้องมีการดูแลรักษาแผลหลังจากผ่าตัดเป็นอย่างดี
ปาก
รูปทรงปากที่สวยงาม จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้า ซึ่งรูปทรงของปากที่สวยงามจะต้องมีสัดส่วนริมฝีปาดบน และริมฝีปากล่างที่สวยงามได้รูป มีมุมปากที่ยกขึ้น ปากมีความชุ่มชื้นไม่แห้งแตก เป็นร่องหรือเป็นขุย
- ฟิลเลอร์ปาก : จะเป็นการเติมฟิลเลอร์โดยเน้นไปที่ให้รูปทรงของปาก อวบอิ่ม สามารถปั้น เพื่อจัดแต่งทรงปากได้ ซึ่งทรงปากที่ด้รับความนิยมสูงก็จะมี ปากทรงเกหลี หรือ Cherry Lips ปากเจ่อแบบสาวฝรั่ง ทรงสายฝอ และปากกระจับ การฉีดฟิลเลอร์ปากเหมาะกับผู้ที่มีปัญหา ปากบาง ปากไม่เป็นทรง มุมปากตก
- ผ่าตัดปากกระจับ : เป็นการผ่าตัดเพื่อตกแต่งริมฝีปากให้ได้ทรงกระจับสวยงาม และผลลัพธ์หลังการผ่าตัดจะอยู่อย่างถาวร เหมาะกับคนที่มีริมฝีปากหนา แก้ไขปัญหาปากไม่เป็นทรงกระจับ ริมฝีปากบนและล่างปากไม่สมดุลกัน และปัญหาปากคว่ำ แต่วิธีการผ่าตัดจะไม่เหมาะกับคนที่มีเนื้อปากน้อย ที่สำคัญต้องมีการดูแลแผลหลังจากผ่าตัดเป็นอย่างดี ระมัดระวังเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษจนกว่าแผลที่ปากจะสมาน
คาง
สำหรับการปรับรูปหน้าด้วยการเสริมคาง หรือการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นการแก้ไขปัญหารูปหน้ากลม หน้าสั้น เมื่อทำคางแล้วจะได้รูปหน้าที่เรียว สวย ใบหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น และได้ใบหน้าทรง V-Shape ไม่ว่าจะมองมุมไหน องศาไหน ก็สวยมีมิติ และยังทำให้ได้ลุคที่สวย หวานละมุนมากกว่าเดิม
- ฟิลเลอร์คาง : การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมคาง จะเป็นการปรับรูปหน้าให้ยาวขึ้น และช่วยแก้ปัญหา คางสั้น คางถอย คางตัด และคางเบี้ยวได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด ซึ่งอาจจะใช้ฟิลเลอร์ปริมาณ 1-2 cc หลังทำจะเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในทันที ข้อจำกัดของการฉีดฟิลเลอร์คาง คือ ไม่สามารถเติมให้คางมีความยาวเกิน 1 เซนติเมตรได้
- ผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน : การผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคนเข้าไปที่บริเวณปลายคาง ซึ่งจะมีเทคนิคการผ่าตัดด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบแผลฝน และแผลนอก ในการผ่าตัดจะมีซิลิโคนหลายแบบ ทั้งซิลิโคนขาสั้น และซิลิโคนขายาว สามารถเลือกซิลิโคนให้เข้ากับรูปหน้าได้ เพื่อการแก้ไขปัญหารูปหน้าได้อย่างตรงจุด ข้อควรระวังสำหรับการเสริมคางคือ ต้องมีการดูแลรักษาแผลหลังผ่าตัด และต้องใช้เวลาพักฟื้นนานตั้งแต่ 7-10 วัน
ทั้งสามจุดสำคัญบนใบหน้า เป็นส่วนที่คนนิยมทำมากที่สุดทั้งการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า เติมมิติให้กับใบหน้า และการผ่าตัดเพื่อทำให้ใบหน้าได้สัดส่วนที่สวยงาม เราเชื่อว่าการมีโครงหน้าที่สวยสมส่วน เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ต่างก็ปรารถนา ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาที่ตรงจุดใด หรือส่วนไหนบนใบหน้าที่ทำให้คุณเป็นกังวลขาดความมั่นใจ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ UD Clinic ศูนย์ความงามแบบครบวงจร ที่จะทำให้คุณสวยได้ในราคาที่เอื้อมถึงทุกระดับ