เมื่อพูดถึงเรื่อง สิว แล้ว คงเป็นปัญหาหนักใจของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นสิวที่ขึ้นใบหน้า สร้างความไม่มั่นใจ อาจจะรวมไปถึง สร้างความเจ็บปวดในขณะที่ใส่มาส์ก ท่ามกลางยุคแห่งฝุ่น Pm 2.5 และโรคระบาดอย่าง Covid-19 นอกจากสิวที่ใบหน้า จะสร้างความรำคาญใจให้แล้ว ในคนบางกลุ่มยังมีสิวตามบริเวณต่าง ๆ ที่เมื่อต้องเสียดสีกับเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับต่าง ๆ ก็สร้างความเจ็บปวดไม่น้อย อาทิ สิวที่หลัง สิวที่เนินอก หรือสิวตามจุดซ่อนเร้น เป็นต้น
สิว เกิดจากอะไร?
“เป็นสิว แสดงว่าล้างหน้าไม่สะอาด” เป็นความเชื่อที่ถูกแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ปัจจัยของการเกิดสิวมีได้หลากหลายประเภท ไม่ใช่เพียงแค่การล้างหน้าไม่สะอาดเท่านั้น เรียกได้ว่า หากใครไม่เป็นสิว คงไม่มีวันเข้าใจปัญหานี้ ในบางคนล้างหน้าสะอาดดูแลดีมากแต่ก็อาจเกิดสิวได้ เนื่องจากสาเหตุอื่นนอกเหนือจากความสะอาด แต่บางคนถึงแม้ว่าจะไม่ทำความสะอาดหน้าก่อนที่จะนอนแต่สิวก็ไม่ได้โผล่ขึ้นมาสร้างความรำคาญใจ โดยปัจจัยของการสิวเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ความเครียด ถือได้ว่าเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว หากร่างกายเครียดมาก ๆ จะหลั่งฮอร์โมนที่มีน้ำมันออกมาในปริมาณที่มากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดการอุดตันตามรูขุมขนและเกิดสิวตามมา ซึ่งฮอร์โมนนั้นมีชื่อว่า แอนโดรเจนและคอร์ติซอล ทางที่ดีในการป้องกันสิวที่เกิดจากความเครียด คือระบายด้วยการออกกำลังกายหรือหางานอดิเรกทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลายมากขึ้น
- การระคายเคืองของผิว ยิ่งในยุคที่เต็มไปด้วยฝุ่นและโรคระบาด การใส่มาสก์อาจเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวของเราระคายเคืองได้ ควรใส่มาส์กที่อ่อนโยนและได้มาตรฐาน ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการลดความระคายเคืองต่อผิวหน้า อีกทั้งยังป้องกันฝุ่นและโรคระบาดได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามปัจจัยของการเกิดสิวที่มาจากการระคายเคือง ไม่ใช่แค่มาส์กเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงของใช้ในชีวิตประจำวันของเราอีกด้วย เช่น ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว หากไม่ได้ซัก ตากแห้งหรือเปลี่ยนเป็นเวลานานก็อาจเป็นแหล่งสะสมขอบเชื้อโรคที่อาจก่อให้เกิดสิวและการระคายเคืองได้
- ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนหรือความไม่สมดุลของฮอร์โมน อาจเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวในคนบางกลุ่มได้ โดยเฉพาะเพศหญิงที่ก่อนจะมีประจำเดือน ฮอร์โมนจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและแปรปรวนอย่างมาก ส่งผลให้ทั้งอารมณ์ สภาพร่างกาย และจิตใจเสียสมดุล ซึ่งส่งผลต่อการเกิดสิวได้ด้วย

ประเภทของสิว
- สิวอุดตัน (non-inflammatory acne) เกิดจากการอุดตันที่รูขุมขน สิวชนิดนี้จะไม่มีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณสิว แบ่งย่อยได้อีก 2 ประเภท ได้แก่ สิวหัวดำ (สิวสีดำที่ฝังอยู่ในผิวหนัง ทำปฏิกิริยากับเม็ดสีผิวจึงแปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นสีดำ) และสิวหัวขาว (สิวที่คล้ายกับตุ่มนูนเล็ก ๆ แผ่ขยายไปทั่ว เห็นได้ชัดแถวใต้ริมฝีปาก หน้าผาก เป็นสิวที่ไม่มีหัวและไม่ได้สร้างความเจ็บปวด แต่ทำให้ใบหน้าไม่เรียบเนียน)
- สิวอักเสบ (inflammatory acne) แบ่งได้เป็น 4 ขั้นใหญ่ ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วสิวแต่ละประเภทอาจจะหายก่อนที่จะวิวัฒนาการไปเป็นระดับที่ใหญ่และรุนแรงกว่านี้ ได้แก่ สิวที่มีตุ่มนูนแดง สิวนูนแดง เห็นได้อย่างชัดเจน แต่ไม่ได้สร้างความเจ็บปวด จับแล้วไม่รู้สึกเจ็บ พัฒนามาจากสิวอุดตัน สิวหัวหนอง คล้ายกับสิวประเภทแรกแต่มีหัวสิวสีเหลือง และรุนแรงกว่าในแง่ของการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย สิวอักเสบขนาดใหญ่ สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ผิวหนัง สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่เป็นสิวประเภทนี้อย่างมาก สาเหตุมักจะเกิดจากการที่ชอบเอามือไปบีบ แกะ หรือเกาสิวที่มีตุ่มนูนแดง จึงพัฒนาการมาเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ และท้ายสุด สิวหัวช้าง นับได้ว่าเป็นสิวอักเสบที่รุนแรงที่สุด เนื่องจากเป็นสิว 3 ประเภทข้างต้น กระจายไปทั่วส่วนหนึ่งของใบหน้า อีกทั้งเมื่อสิวเกิดอาการแตกหรือถูกบีบออกมา จะทิ้งร่องรอยของหลุมสิวขนาดใหญ่เอาไว้
6 เคล็ดลับในการป้องกันการเกิดสิว
- ล้างหน้าอย่างถูกวิธีและเป็นระยะเวลาพอสมควร ถึงแม้ว่าสาเหตุของการเกิดสิวจะไม่ได้เกิดจากการล้างหน้าไม่สะอาดเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าหากเราใส่ใจ ล้างหน้าถูกวิธีที่และในระยะเวลาที่พอสมควร ไม่เร็วและไม่นานเกินไป ก็จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดสิวได้
- หมั่นซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าเช็ดหน้าบ่อย ๆ ถึงจะใส่ใจกับการล้างหน้าให้สะอาดแล้วแต่เรื่องความสะอาดของเครื่องใช้ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน ยิ่งในคนประเภทที่นอนน้ำลายไหลยืดบ่อย ๆ แบคทีเรียเหล่านั้นอาจมีส่วนที่ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน การดื่มน้ำควรคำนึงถึงขนาดน้ำหนักตัวด้วย ไม่ใช่แค่การกำหนดว่าต้องดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเท่านั้น หากดื่มมากเกินน้ำหนักตัวก็อาจส่งผลให้ไตทำงานหนักได้ แต่ถ้าน้อยไปก็อาจทำให้ร่างกายไม่ได้รับปริมาณน้ำที่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา ดังนั้นจึงควรคำนวณปริมาณการดื่มน้ำให้พอเหมาะพอดีต่อร่างกาย ไม่เพียงช่วยในเรื่องรักษาสิว แต่ยังรวมไปถึงระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายที่จะได้รับผลดี ๆ นี้ไปอีกด้วย
- พักผ่อนให้เพียงพอ ในหัวข้อนี้คล้ายกับประเด็นด้านบนที่ว่าหากปฏิบัติแล้ว ไม่ได้มีส่วนช่วยแค่ในเรื่องสิวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงในแง่ของร่างกายโดยรวมอีกด้วย หากพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ร่างกายจะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ในระดับที่สูงสุด
- พักหน้าจะป้องกันการเกิดสิว? เป็นความเชื่อที่ผิด เนื่องจากใบหน้าของเรายังคงต้องได้รับการป้องกันอยู่เสมอ การใช้สกินแคร์ประจำวันอย่าง โฟมล้างหน้า มอยซ์เจอไรซ์เซอร์ และครีมกันแดด เป็นสิ่งที่จำเป็นมากในทุกวัน อย่างไรก็ตามควรเลือกตัวที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง หากช่วงนั้นเป็นสิวให้งดเว้นการแต่งหน้าไปก่อนได้ แต่การใช้สกินแคร์ประจำวันเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาด
- ไม่บีบ แคะ แกะสิวหรือสัมผัสใบหน้า อาจจะดูเหมือนง่าย แต่ใคร ๆ ก็ทราบกันดีว่าถ้าสิวที่หัวสุกหรือมีหนองขึ้น มาปรากตัวให้เราเห็นแล้วก็ไม่สามารถข่มใจไม่ยื่นมือไปบีบ แต่ขอให้คุณเก็บมือทั้งสองของคุณไว้ก่อน แล้วท่องไว้ในใจว่า ถ้าบีบแล้วผลที่จะตามมามันมากโข ต้องรักษาอีกยาว ไม่คุ้มเลยสักนิด
ทางที่ดีควรไปปรึกษาแพทย์ที่มีความรู้เฉพาะทางในการหาทางออกของเจ้าสิวตัวร้ายจะเป็นการดีที่สุด เพื่อที่หน้าหรือร่างกายของเราจะได้ไม่ต้องมาเผชิญกับความเจ็บปวดทรมาณกับสิ่งที่เรียกว่า “สิว” อีกต่อไป