ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่า “เทรนจมูกโด่ง” ยังคงฮิตมาตลอดไม่มีแผ่วเลย ตั้งแต่ยุค 90 มาจนถึงปัจจุบัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือทรงจมูกที่มีให้เลือกมากมายหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นทรงเกาหลี ทรงสายฝอ ทรงบาร์บี้ และทรงที่กำลังฮิตติดจรวดในปัจจุบันคือทรงสโลปปลายพุ่ง รวมไปถึงเทคนิคทางการแพทย์ที่แอดวานซ์ขึ้น ทั้งการใช้วัสดุเสริมจมูกที่หลากหลาย เช่น ซิลิโคน เสริมจมูกด้วยไหม ไปจนถึงกระดูกซี่โครง
ในปัจจุบัน ค่านิยมจมูกโด่ง สวย พุ่ง ยังได้รับความนิยมในทุกเพศ และเกือบจะทุกวัย ซึ่งไม่มีทีว่าความนิยมนี้จะลดลงเลยแม้แต่น้อย หากพูดถึงเทคนิคและวิธีการที่ค่อนข้างจะแอดวานซ์ขึ้นจากอดีต การเสริมจมูกให้โด่งขึ้น ด้วยการร้อยไหมจมูก ซึ่งวิธีนี้จะไม่ใช่วิธีการผ่าตัด เหมาะมากๆสำหรับใครที่กลัวการผ่าตัด และไม่มีเวลาที่จะต้องพักฟื้น หรือพูดง่าย ๆ คือ เหมาะกับคนที่อยากสวยแบบเร่งด่วน และปลอดภัย วิธีนี้จะไม่เหมือนการเสริมแบบใส่ซิลิโคน ที่ต้องใช้วิธีการผ่าตัด และต้องใช้เวลาในการพักฟื้น รวมไปถึงการที่ต้องรอให้จมูกเข้าที่ถึงจะมองเห็นทรงที่สวยชัดเจน
การ เสริมจมูกด้วยไหม จะทำให้ดั้งโด่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลกับปัญหาการทะลุของซิลิโคนออกมาทางปลายจมูก ไม่ต้องผ่าตัด รวมถึงเหมาะกับคนที่ต้องการเติมเฉพาะจุด เช่น เสริมเฉพาะสันจมูกให้หนา แบบธรรมชาติ ร้อยไหมจมูกจะใช้ไหมละลายที่เหมาะสำหรับร้อยจมูกโดยเฉพาะ ที่ได้รับความนิยมและปลอดภัย ได้แก่
ไหมละลายแต่ละแบบก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปตามคุณภาพอีกด้วย ซึ่ง UD Clinic เรามีบริการร้อยไหมจมูก เพิ่มความโด่ง เสริมความมั่นใจ แบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งราคาร้อยไหมจมูกที่ UD Clinic จะเริ่มต้นที่เส้นละ 2,500-9,900 บาท และยังมีโปรโมชั่นสำหรับท่านที่ชอบความอลังการ คือการร้อยไหมยกสัน ยกปลายแบบไม่จำกัดเส้นอีกด้วย
เมื่อร้อยไหมจมูกมาแล้ว ควรจะต้องมีวิธีดูแลอย่างเหมาะสมเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่กับเราได้นานมากขึ้น และเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ หรืออาการข้างเคียงน้อยที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้า แต่งหน้า หรือทำอะไรก็ตามที่จะไปรบกวนผิวในบริเวณที่ได้ทำการร้อยไหมไปแล้ว ถ้ารู้สึกว่าอยากล้างหน้าจริงๆ ก็ให้ล้างด้วยน้ำสะอาด ลูบเเค่เบาๆ
หลังจากที่ร้อยไหมเเล้ว อาจจะเกิดอาการเจ็บแปล๊บๆ และบวม เขียวช้ำได้ ให้ใช้ผ้าห่อน้ำเเข็งคอยประคบทุก ๆ 4 ชั่วโมงเพื่อลดอาการบวม ประคบเรื่อย ๆ ห้ามขาดภายใน 3 วันแรก จะช่วยให้อาการบวมลดลงได้เร็วขึ้นและไม่ค่อยมีอาการเจ็บหรือปวดอีกด้วย
ของหมักของดอง อาหารทะเล เครื่องดื่มที่มีแอลกฮอลล์ กลุ่มยาแอสไพริน วิตามินอี เพราะสิ่งเหล่านี้มีส่วนทำให้ผิวเกิดการฟกช้ำได้
การออกกำลังกายหนักเป็นเวลา อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ซึ่งหากหลีกเลี่ยงได้นานกว่านั้นจะดีมาก สำหรับการเล่นกีฬา เช่น ว่ายน้ำ หรือการออกกำลังกายที่ต้องออกแรง
ทั้งนี้การทำศัลยกรรม หรือการทำหัตถการนั้นจะต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ ต้องเข้ารับบริการจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อที่จะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และเลือกทำที่สถานพยาบาลหรือคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงการดูแลรักษาหลังจากทำศัลยกรรมหรือหัตถการอย่างดี เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อการอักเสบ ติดเชื้อ จากการที่มีสิ่งสกปรกเข้าทางแผล และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่จะตามมาให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด หรือไม่เกิดผลข้างเคียงเลยก็จะดีมาก