ปัจจุบันมีการใช้ฟิลเลอร์หลายแบรนด์ หลายรุ่นสำหรับการเสริมความงาม ซึ่งแต่ละแบรนด์ ก็จะมีจุดเด่นและเอกลักษณ์ หรือเทคโนโลยีเฉพาะ และใน 1 แบรนด์ก็ยังแยกออกมาอีกหลายรุ่นเพื่อรองรับต่อการเติมเต็มในแต่ละจุด ซึ่ง Restylane Filler เองก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน
ทางแบรนด์ได้พัฒนาเทคโนโลยีของสารเติมเต็มด้วยกันถึง 2 แบบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี กลืนไปกิบผิวหน้าในทุกจุด และ Restylane ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก อย.ไทย จะมียี่ห้อใดบ้างนั้น สามารถติดตามรายละเอียดได้ในบทความนี้
Restylane Filler
เรสทิเลน เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เพราะมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 และถูกใช้มากกว่า 50 ล้านทรีทเม้นต์ ใน 80 กว่าประเทศทั่วโลก ซึ่งต้นกำเนิดของฟิลเลอร์เรสทิเลนมาจากประเทศสวีเดน มีการผลิตต่อเนื่องยาวนานถึง 26 ปี ถือเป็นฟิลเลอร์แบรนด์แรก ๆ ของโลกเลยทีเดียว เรสทิเลนได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องโดยในปัจจุบันมีเทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์ด้วยกัน 2 เทคโนโลยีนั่นก็คือแบบ NASHA techology ที่ถูกใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 ในปัจจุบันก็ยังถูกใช้อยู
อีกหนึ่งเทคโนโลยีก็คือ OBT Technology และฟิลเลอร์เรสทิเลนที่ผ่านมาตรฐาน อย.ไทย จะมีด้วยกันทั้งหมด 8 รุ่น โดยแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสภาพผิวในแต่ละจุดทั่วใบหน้า ทั้งใต้ตา ยกกระชับผิว เติมเต็มร่องลึก เติมคางให้ใบหน้าได้รูป และเติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม และแต่ละจุดจะต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันดังนี้
- Restylane Vital Light : เรสทิเลน ไวทอล ไลท์ ถูกใช้ในการแก้ไขปัญหาผิวเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการลดรอยคล้ำใต้ตา การเติมหลุมสิวให้ตื้นขึ้น และการใช้เป็น Skin Booster ทำให้ผิวกระจ่างใส เนื้อฟิลเลอร์เป็นเนื้อเจลที่มีอนุภาคบางเบา และนิ่มที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีแบบเดียวกัน คือ NASHA techology
- Restylane Vital : เรสทิเลน ไวทอล ถูกออกแบบมาให้มีเนื้อเจลที่ค่อนข้างนิ่ม ทำให้เกลี่ยได้ง่าย จึงเหมาะสำหรับการนำมาใช้แก้ไขปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ หรือเติมหน้าผากให้ดูมีมิติ ใช้เติมเต็มหลุมสิว และลดเลือนริ้วรอยบนหลังมือให้มือดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- Restylane Classic : เรสทิเลน คลาสสิค ถูกใช้มาเติมเต็มในส่วนของริ้วรอย และร่องตื้น ๆ ทั้งร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยขมวดคิ้ว และยังใช้เติมเต็มใต้ตาได้อีกด้วย เพราะมีเนื้อเจลที่มีอนุภาคใหญ่ เนื้อไม่แข็งหรือนิ่มมากจนเกินไป
- Restylane Lyft : เรสทิเลน ลิฟ ในรุ่นนี้จะมีเนื้อเจลที่แข็งแรงที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี NASHA techology จึงทำให้มีคุณสมบัติที่มีแรงยกกระชับสูง และคงรูปได้ดี จึงถูกนำมาฉีดเพื่อเพิ่มมิติให้กับใบหน้า ทั้งบริเวณแก้ม ขมับ ใต้ตา จมูก รวมไปถึงคางด้วย
- Restylane Refyne : เรสทิเลน รีไฟน์ เนื้อเจลมีความนิ่มและยืดหยุ่น เกลี่ยได้ง่าย จึงสามารถนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาผิวได้ ทั้งริ้วรอย และใช้ในการเติมเต็มร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น เหมาะสำหรับใช้เติมเต็มบริเวณส่วนที่มีการขยับบ่อย ๆ เช่น บริเวณร่องแก้ม ร่องมุมปาก และเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบาง เพราะเนื้อเจลจะกลืนไปกับผิวได้ดี
- Restylane Volyme : เรสทิเลน วอลิ่ม เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลนิ่มปานกลาง แต่โดดเด่นเรื่องของความยืดหยุ่นที่มีสูง จึงถูกนำไปเติมเต็มผิวในบริเวณที่ค่อนข้างขาดความยืดหยุ่น เช่น ใต้ตา ขมับ เติมเต็มแก้มตอบ ร่องแก้ม และการยกกระชับผิวในผู้ที่ค่อนข้างมีอายุให้สดใสอ่อนกว่าวัยยิ่งขึ้น
- Restylane Defyne : เรสทิเลน ดีไฟน์ ฟิลเลอร์รุ่นนี้จะมีเนื้อเจลที่สามารถขึ้นรูปได้ง่าย เนื้ออ่อนนุ่ม เกลี่ยได้ง่าย ผู้ที่มีผิวบางควรเลือกเติมฟิลเลอร์รุ่นนี้ เหมาะกับการเติมเต็มแก้มตอบให้หน้ามีมิติ เติมคางเพื่อทำให้หน้าดูยาว สวยละมุนเป็นธรรมชาติ และใช้ยกกระชับเพื่อปรับรูปหน้า
- Restylane Kysse : เรสทิเลน คิส เนื้อฟิลเลอร์ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เติมปากโดยเฉพาะ มีเนื้อเจลที่นิ่ม ละเอียด มีความยืดหยุ่นสูง จุดเด่นของฟิลเลอร์รุ่นนี้คือจะช่วยสร้างขอบริมฝีปากให้เด่นชัด เพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปากอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากได้เป็นอย่างดี
จากฟิลเลอร์ของเรสทิเลนทั้งหมดจะเห็นได้ว่า แต่ละรุ่นถูกออกแบบมาใช้งานเฉพาะจุด ซึ่งในการฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละส่วนจะถูกพิจารณาโดยแพทย์เฉพาะทางว่าควรใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณเท่าใด ถึงจะเหมาะสมและเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน และสิ่งที่ทำให้เรสทิเลนยังคงยืนหยัดเป็นฟิลเลอร์อันดับหนึ่งของโลกได้นั้นเป็นเพราะเป็นฟิลเลอร์แท้ สลายตัวได้ 100 %
เป็นสาร Hyaluronic Acid ที่มีความปลอดภัยสูง เรสทิเลนเป็นที่ยอมรับและถูกใช้ในการเสริมความงามโดยแพทย์ทั่วโลก และมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น โดยออกแบบให้แต่ละรุ่นมีเนื้อเจลที่ขนาดอนุภาคเล็ก ใหญ่ ไม่เท่ากันทำให้เหมาะกับสภาพผิวในแต่ละจุดของใบหน้า อีกหนึ่งอย่างที่เป็นคุณสมบัติที่โดดเด่น คือ สามารถคงตัวอยู่ในนานเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์จากแบรนด์อื่น ๆ