เสริมจมูก เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่หลาย ๆ เลือกเป็นอันดับแรก เพราะจมูกเป็น จุดกึ่งกลางบนใบหน้า ที่เมื่อเสริมแล้ว จะทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลง ของใบหน้าได้อย่างชัดเจน ภาพรวมของใบหน้าดูมีมิติขึ้น นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว การผ่าตัดศัลยกรรมจมูก ยังช่วยแก้ปัญหาด้านโครงสร้างของจมูก หรือแก้ไขปัญหา ความบกพร่องของจมูก ที่มีมาตั้งแต่กำเนิดได้อีกด้วย และเพื่อให้การผ่าตัดเสริมจมูก เป็นไปได้ด้วยดี เราจะต้องมีการเตรียมตัว ก่อนเสริมจมูก
ก่อนเสริมจมูก จะต้องทำอะไรบ้าง ? อันดับแรกจะต้องเลือกทรงจมูก ที่ต้องการก่อน จากนั้นจึงหาข้อมูล เกี่ยวกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านการเสริมจมูก เข้าพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง มีการออกแบบทรงจมูกเคสต่อเคส การใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน และปลอดภัย ผู้เข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูก จะต้องมีการเตรียมความทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะมีข้อควรปฏิบัติ ก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างไรบ้างนั้น สามารถติดตามรายละเอียดได้ในบทความนี้
ถ้าหากมีโรคประจำตัว เช่น โรคความดัน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน มีประวัติการแพ้ยา หรือมียาที่ต้องรับประทานอยู่เป็นประจำ เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาเบาหวาน ยาแก้ปวด หรือยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ต้องแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบ เพราะจะทำให้แพทย์ วางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแพทย์อาจจะให้หยุดยา ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ทั้งนี้ไม่ควรหยุดยาด้วยตัวเอง วิธีการเหล่านี้จะช่วยป้องกันความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากการผ่าตัด
โดยปกติแล้ว คนที่ได้รับวิตามิน หรืออาหารเสริมอย่างสม่ำเสมอ จะมีระบบไหลเวียนเลือดที่ดี แต่ถ้าหากยังคงรับวิตามินไป จนถึงวันที่เข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูก อาจจะทำให้เลือดหยุดไหลช้า และเกิดอาการบวมช้ำหลังการผ่าตัดได้ สิ่งที่ควรทำก่อนการผ่าตัด คือการงดทนวิตามิน อาหารเสริมเป็นเวลา 7-10 วัน ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับ ยาละลายลิ่มเลือด หรือมีความผิดปกติของเลือด การงดหรือการทานยา ควรให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น
งดการรับประทานยายาแก้ปวด และยาลดกล้ามเนื้ออักเสบ ที่อยู่ในกลุ่มแอสไพริน ( Aspirin ) และไอบูโพรเฟน ( Ibuprofen ) เพื่อลดอาการฟกช้ำ จากเลือดคั่งหลังการผ่าตัด เพราะยาเหล่านี้จะ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต หากได้รับยากลุ่มนี้ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด มีความเสี่ยงที่จะทำให้เลือดแข็งตัวช้า และเป็นอันตรายได้ ถ้าต้องการยาที่บรรเทาอาการปวด ควรใช้ยาพาราเซตามอลเท่านั้น
การ งดแอลกอฮอล์ ก่อนการเสริมจมูก เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ การดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้แผลผ่าตัดหายช้า ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ของแผลผ่าตัด และยังมีโอกาส ที่จะเกิดแผลเป็นนูน หรือแผลคีลอยด์ได้ นอกจากนี้ควรงดสูบบุหรี่ ก่อนการผ่าตัดด้วยเช่นกัน ต้องงดสูบเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดเสมหะ ลดอาการไอ ไม่ให้แผลผ่าตัด กระทบกระเทือน
การงดน้ำ และอาหาร นั้นขึ้นอยู่กับว่าในการผ่าตัด จะต้องมีการดมยาสลบหรือไม่ ถ้าหากมีการดมยาสลบ จำเป็นจะต้องงดน้ำและอาหาร เป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอาการสำลักอาหาร ในขณะที่ผู้เข้ารับการผ่าตัดไม่รู้สึกตัว แต่ถ้าเป็นการผ่าตัดโดย การใช้ยาชาสามารถรับประทานอาหารมื้อเบา ๆ ได้ก่อนเวลาผ่าตัด 4-6 ชั่วโมง แต่ต้องไม่เป็นอาหารที่มีรสจัด อาหารทะเล ของทอดของมัน น้ำอัดลม ไปจนถึงอาหารแสลง อย่างหน่อไม้ ของหมักดอง เป็นต้น
ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ควรงดการแต่งหน้า ต้องล้างหน้า แคะจมูกให้สะอาด เพื่อลดความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อ จากฝุ่นผงของเครื่องสำอาง ที่อาจจะตกลงไปในบาดแผล ระหว่างการผ่าตัดได้ และการงดแต่งหน้า ยังทำให้สามารถสังเกตอาการผิดปกติ ของผู้เข้ารับการผ่าตัดได้ง่าย โดยแพทย์จะสังเกตจากสีของริมฝีปาก และเล็บมือ ที่เปลี่ยนแปลง เมื่อมีอาการขาดออกซิเจน ดังนั้นควรล้างสีเล็บ และตัดเล็บมือให้สั้น ก่อนการผ่าตัดควรงดสวมคอนแทคเลนส์ และฟันปลอม ไปจนถึงเครื่องประดับทุกชนิดด้วยเช่นกัน
การแต่งที่เหมาะสมและเพื่อความสะดวกในการผ่าตัด จะต้องเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่งาย สบาย ไม่อึดอัด หรือรัดแน่นจนเกินไป หรืออาจจะเลือกสวมใส่เสื้อที่มีกระดุ้มด้านหน้า เพราะเมื่อเวลาสวมหรือถอดจะช่วยลดความเสี่ยงที่เสื้อผ้าจะเสียดสีกับแผลผ่าตัด และเสื้อที่มีกระดุมด้านหน้ายังมีส่วนช่วยให้การดูแลแผลหลังการผ่าตัดสามารถทำได้ง่ายยิ่งขึ้น
ข้อมูลทั้งหมดที่เราได้รวบรวม เป็นเพียงวิธีการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดเสริมจมูกแบบคร่าว ๆ ที่ทำให้ได้ทราบว่า ก่อนเสริมจมูกห้ามกินอะไร ห้ามทำอะไรบ้าง ? หรือควรทำอะไร เพื่อที่จะช่วยให้การผ่าตัดเสริมจมูกเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้ความเสี่ยงในการที่จะเกิดปัญหาระหว่างการผ่าตัดนั้นมีน้อยมาก และให้ได้จมูกตามทรงที่ต้องการ สิ่งที่ควรรู้หลังจากการผ่าตัด คือ ยังต้องมีการดูแลแผลหลังจากการผ่าตัด เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ลดการเกิดแผลเป็นนูนขนาดใหญ่ หรือคีลอยด์ เคล็ดลับในการดูแลตัวเองเหล่านี้ล้วนเป็นวิธีการที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ซึ่งเราจะมาเล่ารายละเอียดในครั้งต่อไป สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ผ่านเว็บไซต์ UD Clinic