ปัญหาผิวสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัย อย่างช่วงที่เป็นวัยรุ่นก็มีปัญหาเรื่องรอยสิว ที่ทิ้งรอยดำบนใบหน้า หรือมีปัญหาใต้ตาคล้ำ และพอเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นปัญหาผิวอื่น ๆ ก็เริ่มตามมาติด ๆ ทั้งริ้วรอยบนใบหน้าที่ชัดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม และรอบดวงตา การเติมเต็มผิวให้กลับมาดูอิ่มฟูจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะเรียกความมั่นใจกลับคืนมา ในครั้งนี้เราจะบอกเคล็ดลับการทำให้ผิวกลับมาดีได้แบบทางลัด ด้วยการใช้ Filler เพราะ ฟิลเลอร์ คือ การเสริมความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่สกัดจากธรรมชาตินั่นก็คือ HA ซึ่งเป็นส่วนประกอบของคอลลาเจนที่มีอยู่ในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก

ฟิลเลอร์ คือ การเติมเต็มสารที่เลียนแบบมาจากสารที่มีในเซลล์ผิวของคนเราตามธรรมชาติ นั่นก็คือ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกว่า HA มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายและสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ฟิลเลอร์ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานโดยองค์กรอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา (FDA) ฟิลเลอร์ถูกนำมาใช้สำหรับการแก้ปัญหาบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มชั้นผิวหนัง เพิ่มปริมาตรเนื้อเยื่อทดแทนคอลลาเจนที่ขาดไป ทำให้ร่องลึกกลับมาเรียนเนียนพอ ๆ กับบริเวณผิวโดยรอบ

ฟิลเลอร์ผ่าน อย หรือสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ของประเทศไทย (อย.ไทย) มีด้วยกันหลายแบรนด์ ได้แก่

• Juvederm แบรนด์ฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา
• Restylane แบรนด์ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน
• Neuramis แบรนด์ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี
• Belotero แบรนด์ฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์
• e.p.t.q. แบรนด์ฟิลเลอร์ที่มาจากประเทศเกาหลีเช่นเดียวกันกับ Neuramis
• Revanesse ultra แบรนด์ฟิลเลอร์จากประเทศแคนาดา
• YVOIRE แบรนด์ฟิลเลอร์คุณภาพระดับพรีเมียมจากประเทศเกาหลี

ในการฉีดฟิลเลอร์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้ารับบริการจากแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ด้านเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง สามารถวิเคราะห์ปริมาณยาและตำแหน่งที่ฉีดได้อย่างแม่นยำ และต้องให้บริการในสถานพยาบาล หรือคลินิค ที่ได้มาตรฐาน และได้รับอนุญาต เพราะอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้จากการฉีดผิดตำแหน่ง ไปโดนเส้นเลือดหรือบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการ สำหรับการฉีดฟิลเลอร์บนใบหน้านั้นสามารถฉีดเพื่อเติมเต็ม ยกกระชับ ปรับรูปหน้าได้ 7 จุดดังนี้

7 จุดที่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงชัดเจนหลังการฉีดฟิลเลอร์

1. ขมับ : เติมเต็มขมับที่เป็นรอยยุบ สาเหตุที่ทำให้โหนกแก้มดูสูง
2. ใต้ตา : แก้ปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ และฉีดให้ถุงใต้ตาดูเรียบตึงขึ้น ทำให้ดวงตาสดใส หน้าไม่โทรม และดูอ่อนกว่าวัย
3. ผิวหน้า : ฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ทำให้ผิวเต่งตึง ฟูเป็นธรรมชาติ และสามารถฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาหลุมสิวบนใบหน้าได้อีกด้วย
4. ร่องแก้ม : เติมร่องลึก ทำให้ร่องแก้ม ร่องน้ำหมากดูตื้นขึ้น
5. แก้มส้ม : ฉีดเติมเต็มเพื่อแก้ไขปัญหาแก้มตอบ ทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น
6. ปาก : ฉีดเติมเต็มให้ริมฝีปากอวบอิ่มขึ้น สามารถปั้นแต่งทรงให้เป็นปากกระจับได้
7. คาง : ปรับรูปหน้าให้ดูเรียว V-Shape อย่างเป็นธรรมชาติด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมคาง ทำให้ใบหน้าสวยได้สัดส่วน

ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร ?

สำหรับการใช้ฟิลเลอร์ในด้านการเสริมความงาม จะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิว ที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอย ร่องลึก บริเวณต่างๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น บริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ร่องลึกมุมปาก ก็สามารถใช้ฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มได้ และสำหรับการปรับแต่งรูปหน้า โดยไม่ต้องอาศัยวิธีการผ่าตัด ก็สามารถมช้ฟิลเลอร์ได้เช่นกัน เช่น การเติมริมฝีปาก การฉีดเติมคาง เป็นต้น นอกจากนี้ฟิลเลอร์ยังถูกนำมาใช้บำรุงผิวให้กลับมาสดใส เปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์ได้ด้วยการฉีดเติมที่ร่องแก้ม เติมแก้มที่ตอบ รวมไปถึงผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องหลุมสิว และรูขุมขน

สารเติมเต็มฟิลเลอร์จะสามารถคงตัวอยู่ในร่างกายของคนเราได้ตามชนิดของฟิลเลอร์ โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้

• ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว : จะเป็นสารเติมเต็มประเภท HA การคงตัวจะขึ้นอยู่กับแบรนด์ และรุ่นของฟิลเลอร์ ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม กับบริเวณที่จะฉีด ฟิลเลอร์แบบชั่วคราวสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

• ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร : สารเติมเต็มประเภท PMMA (Polymethyl-methacrylate) และโพลีอัลคิลลิไมด์ (Polyakylimide) จะสามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี แต่ความปลอดภัยน้อยกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว และมีแนวโน้มว่าจะเกิดผลข้างเคียงมากกว่าด้วย

• ฟิลเลอร์แบบถาวร : จะเป็นสารเติมเต็มประเภทซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน ซึ่งสารเหล่านี้มักจะถูกเรียกว่า ฟิลเลอร์ปลอม เพราะไม่สามารถสลายตัวได้ เมื่อฉีดแล้วจะอยู่ในผิวตลอด ซึ่งเป็นอันตราย อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง เกิดการอักเสบ หรือทำให้บริเวณที่ฉีดเปลี่ยนรูปไป ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้ฉีดสารเติมเต็มประเภทนี้ และหากจะแก้ไขต้องผ่าตัดเอาออกเท่านั้น

สำหรับคนที่ยังไม่เคยฉีดฟิลเลอร์ หรือที่กำลังตัดสินใจจะฉีดฟิลเลอร์ ควรหาข้อมูลให้ละเอียด ดูรีวิวให้มาก ๆ และต้องเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำหัตถการให้ ถ้าหากรู้สึกกังวลไม่มั่นใจตรงจุดไหนบนใบหน้า ก็ควรทำการปรึกษากับแพทย์ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว ก็จะต้องมีวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด ทั้งการหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์บริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องสัมผัสกับความร้อนจัด เช่น การทำซาวน่า ไม่ควรกด นวดในบริเวณที่ฉีด ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ และงดทานอาหารประเภทของหมักดอง อาหารทะเล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์