หลาย ๆ คนมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหา “รอยแผลเป็น” ที่คอยกวนใจ ซึ่งอาจทำเสียความมั่นใจทุกครั้งเมื่อมองเห็น และยิ่งถ้าเป็น คีลอยด์ หรือรอยแผลเป็นนูน ก็ยิ่งสังเกตเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่มันก็ส่งผลด้านความสวยงาม และสภาพจิตใจได้เช่นกัน เพราะคีลอยด์เป็นรอยแผลที่มีขนาดขยายใหญ่กว่ารอยแผลที่เกิดขึ้น
ซึ่งทิ้งร่องรอยของความเจ็บปวดเอาไว้ให้เห็นได้อย่างเด่นชัด แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยทำให้แผลเป็นคีลอยด์นั้นเรียบเนียนกลืนไปกับผิว นับเป็นข่าวดีสำหรับคนที่ต้องการเรียกความมั่นใจกลับคืนมา ด้วยการรักษาแผลเป็นกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง
โดยทั่วไปแล้วผิวหนังมีกระบวนการซ่อมแซมบาดแผลตามธรรมชาติด้วยกัน 3 ระยะ ซึ่งสาเหตุของการเกิดแผลเป็นนั้นมาจากความผิดปกติของกระบวนการรักษาแผล และ คีลอยด์ (Keloid) เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อเจริญเติบโตมากกว่าปกติ หรือมีการสร้างคอลลาเจนมากเกินกว่าปกติ จนเกิดความไม่สมดุลของคอลลาเจน และเกิดเป็นแผลนูนในที่สุด
ซึ่ง Keloid จะถูกจัดอยู่ในประเภทของรอยแผลเป็นชนิดหนึ่ง โดยรอยแผลเป็นมีลักษณะนูนเป็นก้อน ส่วนใหญ่มักจะมีสีแดง หรืออาจจะพบว่าเป็นสีคล้ำ คล้าย ๆ รอยช้ำ ผิวสัมผัสของแผลเป็นจะเหมือนกับยาง ในบางครั้งอาจจะมีอาการคัน หรือเจ็บ รู้สึกตึงที่ผิวร่วมด้วย Keloid มักจะพบได้บ่อย ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นที่บริเวณ หัวไหล่ หน้าอก ใบหู รวมไปถึงติ่งหูด้วย โดยมีสาเหตุมาจากบาดแผลที่เกิดจากสิว การฉีดวัคซีน การเจาะหู หรือแม้กระทั่งแผลผ่าตัดต่าง ๆ
สำหรับวิธีการป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนหลังจากากรเกิดบาดแผลอาจจะเป็นเรื่องที่ระมัดระวังได้ค่อนข้างยาก สิ่งจำเป็นที่ต้องทำเมื่อเกิดบาดแผล คือต้องหมั่นล้างแผล ทำความสะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่จะเกิดขึ้น และในกรณีของบาดแผลฉีกขาดที่มีการเย็บแผล จะต้องตัดไหมและทำตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนในภายหลัง
วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนเลยก็คือ การที่ทำให้ตัวเองไม่เกิดบาดแผล หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดบาดแผลน้อยมาก ๆ เช่นการเลี่ยงการสักตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การเจาะหู รวมไปถึงการผ่าตัดในกรณีต่าง ๆ ในบางครั้งการป้องกันอาจจะเป็นไปได้ยาก ถ้าหากเกิดบาดแผลหรือมีประวัติเคยเกิดแผลเป็นนูน ควรขอรับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อหาทางป้องกันการเกิดแผลเป็น
ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดแผลคีลอยด์ เพราะการเกิดแผลเป็นนูนอาจเกิดได้ทั้งจากปัจจัยทางพันธุกรรม เชื้อชาติ รวมไปจนถึงอายุ ซึ่งแผลเป็นนูน Keloid มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยจะมีอายุอยู่ในช่วง 10-30 ปี ซึ่งแต่ละรายมักจะมีประวัติพบว่าสมาชิกในครอบครัวเคยเป็นแผลคีลอยด์มาก่อน และในการรักษาแผลเป็นนูนไม่ว่าจะด้วยวิธีใดตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่า “ในการรักษาจะไม่มีผลข้างเคียงต่อระบบอื่น ๆ ของร่างกาย” และหลังจากการรักษาแผล Keloid เป็นอย่างดีจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว บริเวณที่เคยเป็นแผลจะยุบลงกลับมาใกล้เคียงกับผิวเดิม แต่ทั้งนี้แล้วผลลัพธ์ของรักษาก็ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้วิธีการรักษาอย่างเหมาะสม ก่อนการรักษาควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง