ใบหน้าไม่เรียบเนียน เป็นรอยสิว และรอยดำ ในบางครั้งรอยสิวก็มีความรุนแรงจนทำให้เกิดเป็น หลุมสิว บนใบหน้า ทำให้สังเกตเห็นเป็นรอยขรุขระ บางครั้งก็เห็นเป็นรอยสีคล้ำ ๆ แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า สิวแบบไหนที่เมื่อเป็นแล้วจะทำให้เกิดแผลจนกลายเป็นหลุมสิว หรือพฤติกรรมแบบใดที่เมื่อทำแล้วจะทำให้เกิดหลุมสิวได้ และในปัจจุบันมีวิธีการรักษาหลุมสิวอย่างไร เพื่อให้ร่องรอยบนใบหน้าดูตื้นขึ้น สภาพผิวดีขึ้น เปลี่ยนผิวหน้าพระจันทร์ให้เรียบเนียนกว่าที่เคย

สาเหตุของการเกิดหลุมสิว

7 วิธีที่ใช้ในการรักษาหลุมสิว

สาเหตุของการเกิดหลุมสิว

หลุมสิว (Acne Scars) มีต้นตอมาจาก “สิวอักเสบ” คือมีการอักเสบ ติดเชื้ออย่างรุนแรง และยังมีสาเหตุมาจากการรักษาสิวที่ไม่ถูกวิธี เช่น การบีบสิว กดสิว ที่อาจทำให้เกิดการอักเสบบริเวณผิวหนัง ทำให้ผิวในบริเวณที่เกิดสิวเกิดการยุบตัวเป็นโพรง ผิวหน้าจึงเกิดเป็นหลุมเล็ก ๆ มากมาย เป็นริ้วรอย ไม่เรียบเนียน ในบางครั้งก็เกิดเป็นรอยคล้ำที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน การเป็นสิวอักเสบ ยังทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวถูกทำลาย และประเภทของสิวที่สามารถทำให้เกิดหลุมสิวได้ มีดังนี้

• สิวหัวช้างเม็ดใหญ่ (Cyst) เป็นสิวขนาดใหญ่ ที่เกิดจากการติดเชื้อใต้ผิวหนัง เมื่อเกิดการติดเชื้อภูมิคุ้มกันจะตอบตอบสนองกับเชื้อจนทำให้อักเสบ หรืออาจเกิดได้จากสิวอุดตัน ลักษณะของสิวหัวช้างจะมีหนองปนเลือดอยู่ภายในหัวสิว ซึ่งใช้เวลาในการรักษานาน

• สิวอักเสบรุนแรง (Pustule) หรือสิวหัวหนอง อักเสบเรื้อรัง จะมีลักษณะเป็นตุ่มแดง ๆ ตรงกลางจะมีจุดสีขาวเหลือง ซึ่งจุดที่ว่านั้นก็คือหนองที่เกิดอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง เกิดสิวหัวหนองจะเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนและการติดเชื้อแบคทีเรียการรักษาจะเป็นเช่นเดียวกับการรักษาสิวหัวแดง หรืออาจจะพัฒนามาจากสิวอุดตัน ที่ถูกรบกวนจากการสัมผัส แกะสิว บีบสิว

• สิวที่ติดเชื้อ (Nodule) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และลุกลามไปทั่วชั้นใต้ผิว สิวชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง เวลาเป็นสิวชนิดนี้จะมีอาการปวดค่อนข้างมาก สาเหตุของสิวติดเชื้อนี้ เกิดจากการเป็นสิวอักเสบแล้วมีการกดสิว บีบสิว ทำให้แบคทีเรียและน้ำมันในตุ่มสิวแตก กระจายอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบบวมแดงของผิวบริเวณนั้น

7 วิธีที่ใช้ในการรักษาหลุมสิว

1. ใช้ยาทา หรือรับประทานยา

ยาที่ใช้รักษาสิวจะเป็นตัวยาที่มีส่วนผสมของสารกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และเร่งให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ซึ่งจะส่งผลทำให้ผิวที่เสียหาย หมองคล้ำ หลุมสิว ถูกผลัดออกและทำให้มีผิวใหม่ที่สุขภาพแข็งแรงขึ้น ตัวยาที่ใช้รักษาสิวจะประกอบไปด้วย

• กรดอัลฟาไฮดรอกซี หรือกรด AHA (Alpha Hydroxy Acid)
• กรดเบตาไฮดรอกซี หรือกรด BHA (Beta Hydroxy Acid)
• กรดวิตามินเอ (Retinoic Acid) สารเรตินอยด์ (Retinoid) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ

2. การทำ Skin Needing

การรักษาหลุมสิวด้วยการทำ Skin Needing จะเป็นการใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นแท่ง แล้วส่วนปลายจะบรรจุเข็มขนาดเล็กเอาไว้จำนวนหนึ่ง แพทย์จะใช้อุปกรณ์นี้จิ้งลงไปใต้ชั้นผิว เพื่อจะช่วยฟื้นฟูให้ผิวกลับมาสุขภาพดี ส่งผลทำให้หลุมสิวที่เป็นตื้นขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

3. การเลาะพังผืดหลุมสิว หรือ Subcision

การรักษาหลุมสิวด้วยการเลาะพังผืด หรือการทำ Subcision เป็นการใช้เข็มชนิดพิเศษสอดเข้าไปใต้ผิว แล้วเลาะเนื้อเยื่อพังผืดใต้หลุมสิวออกที่ละหลุม ๆ หลังจากการเลาะพังผืดแล้วเนื้อเยื่อบริเวณนั้นจะเกิดการสร้างเซลล์เนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมา ทำให้ก้นหลุมสิวตื้นขึ้น กลายเป็นชั้นผิวที่เรียบเสมอกับผิวบริเณอื่น

4. การกรอผิวด้วยเครื่องมือ Microdermabrasion

การขัดกรอผิวด้วยเครื่องมือ ไมโครเดอมาเบรชั่น (Microdermabrasion) จะเป็นการรักษาหลุมสิวด้วยการใช้เกล็ดแร่คริสตัลขนาดเล็ก ขัดกรอไปที่เนื้อผิว เพื่อทำให้กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ช่วยฟื้นฟูผิวให้หลุมสิวตื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

5. การฉีดฟิลเลอร์

เป็นการนำเอาฟิลเลอร์ ที่เป็นสารเติมเต็มประเภท HA หรือ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) ซึ่งตัวเดียวกับที่นำไปใช้สำหรับหัตถการเพื่อปรับรูปหน้า หรือเติมเต็มใบหน้าเพื่อทำให้ดูมีมิติมากขึ้น รวมไปถึงการเติมปากให้อวบอิ่ม ซึ่งในการรักษาสิวจะเป็นการนำเอาฟิลเลอร์ไปฉีดเพื่อทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น

6. การใช้เลเซอร์รักษาสิว

การรักษาสิวด้วยการใช้เลเซอร์ จะไปช่วยกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่เสียหาย จนเป็นหลุม และการใช้เลเซอร์ยังจะช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวใหม่ให้แข็งแรง ผิวมีความยืดหยุ่น ผิวไม่หมองคล้ำ มีความกระจ่างใสขึ้น และผิวที่เป็นหลุมจะตื้นขึ้น เรียบเสมอกับผิวส่วนอื่น ๆ เลเซอร์ที่ใช้ในการรักษาสิวจะมีด้วยกันหลายแบบ

• คลื่นพลังงานแสง IPL
• พลังงานเลเซอร์ Long Pulse Nd:YAG
• พลังงานเลเซอร์ Fractional CO2
• พลังงานเลเซอร์คลื่นแสง Fraxel
• พลังงานเลเซอร์ Miracle Deep Gold

7. การผ่าตัด

การใช้วิธีการผ่าตัด เพื่อรักษาหลุมสิว จะเป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาหลุมสิวที่มีความลึก หรือหลุมสิวที่กว้างมาก และยังเหมาะกับหลุมสิวที่มีปัญหามาก รักษาด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วยังไม่ดีขึ้น ไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง แพทย์จะทำการรักษาโดยการผ่าตัดยกชั้นผิวที่เป็นหลุมลึก ให้ตื้นขึ้นมา และทำการเย็บผิวที่ยกขึ้นมาให้เสมอกับผิวส่วนอื่น

นอกเหนือไปจากการรักษาหลุมสิวอย่างถูกวิธีแล้ว การป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวอีก ก็เป็นสิ่งที่ควรทำด้วยเช่นกัน การดูแลตัวเอง เช่นการรักษาสิวอุดตันอย่างถูกหลัก เพื่อไม่ให้กลายมาเป็นสิวอักเสบได้ในอนาคต การไม่บีบ ไม่แกะ สิว ก็เป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบ ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดหลุมสิวได้ ถ้าหากมีปัญหาเกี่ยวกับหลุมสิว สามารถเข้ามารับคำปรึกษา และมาประเมินได้ที่ UD Clinic ทุกสาขา