ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ? ฉีดแล้วใต้ตาไม่เป็นก้อน

ถ้าหากลองสังเกตดู จะพบว่าเมื่อเราอายุมากขึ้น ใต้ตาเริ่มหมองคล้ำ ขอบตาดำขึ้นจนสังเกตเห็นได้ชัด ซึ่งการมี ใต้ตาคล้ำ ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการที่ไขมันสะสมใต้ผิวหนังน้อยลง เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวบางลง จนสังเกตเห็นเงาของเส้นเลือดใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตา เป็นสีดำ ทำให้ใบหน้าดูอิดโรย ไม่สดใส ไม่เพียงแค่ผิวที่บางลง แต่ริ้วรอย ร่องใต้ตา ถุงใต้ตา ก็ส่งผลให้ใบหน้าโทรม ดูแก่กว่าวัยได้เช่นกัน ซึ่งในครั้งนี้ UD Clinic จะมาแนะนำเคล็ดลับการแก้ไขใต้ตาคล้ำแบบเร่งด่วนด้วยการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา

ปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ

ปัญหาผิวบริเวณรอบ ๆ ดวงตา ทั้งขอบตาดำ เบ้าตาลึก ใต้ตาหมองคล้ำ ริ้วรอยต่าง ๆ ทั้งหมดนี้มักจะพบได้มากในคนที่อายุเยอะ เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างผิว เมื่ออายุมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาคล้ำ จะมีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้

• อายุที่มากขึ้น : เมื่อเราอายุมากขึ้น หมายถึงตั้งแต่ช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง โครงสร้างผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ผิวหนังบางลง มีชั้นไขมันใต้ตาลดน้อยลง และเกิดเป็นริ้วรอยรอบ ๆ ดวงตา รวมไปถึงการมีร่องใต้ตาที่ชัดขึ้น
• พันธุกรรม : บางเคสมีขอบตาดำ เบ้าตาลึก ใต้ตาหมองคล้ำ ตาโหล ที่ส่งผลทำให้ใบหน้าดูโทรม ตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นเป็นเพราะมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม สังเกตได้จากที่คนในครอบครัว มีลักษณะของดวงตาแบบนี้นั่นเอง
• อาการภูมิแพ้ : สำหรับเคสที่มีใต้ตาคล้ำ จากอาการภูมิแพ้ นั่นเป็นเพราะเมื่อเป็นภูมิแพ้ จะส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดติดขัด เกิดเลือดคั่งที่บริเวณใต้ตา ทำให้สังเกตเห็นเป็นรอยคล้ำ ที่ผิวหนังบริเวณใต้ดวงตานั่นเอง
• การพักผ่อนน้อย : การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ส่งผลทำให้ผิวหนังใต้ตาเกิดความหมองคล้ำได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้หมายถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มักจะพักผ่อนน้อย การใช้สายตามากจนเกินไป โดยเฉพาะในที่ที่มีแสงน้อย ที่มืด

การฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อแก้ไขใต้ตาลึก ตาคล้ำ ใบหน้าดูอิดโรย

สำหรับใครที่มีปัญหาทั้งขอบตาดำ ใต้ตาหมองคล้ำ มีถุงใต้ตา เบ้าตาลึก และกำลังมองหาวิธีแก้ไขแบบที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ได้ในเวลาอันรวดเร็ว UD Clinic ขอแนะนำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อเข้าไปจัดการกับปัญหารอบ ๆ บริเวณดวงตา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ และความสดใสให้กับใบหน้า ทั้งยังช่วยแก้ไขริ้วรอยรอบ ๆ ดวงตาได้อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เรายังจะมาแนะนำฟิลเลอร์ที่เหมาะกับผิวหนังใต้ตา และเหมาะกับการฉีดเพื่อแก้ปัญหาใต้ตาทั้งในชั้นตื้นและชั้นลึก

การแก้ไขปัญหาใต้ตาในชั้นลึก

การแก้ไขใต้ตาชั้นลึก จะเป็นการใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เพื่อเข้าไปแทนที่ โครงสร้างผิวในส่วนที่ขาดหายไป ซึ่งก็คือ ไขมันในชั้นลึกตรงช่วงบริเวณหน้าแก้ม และใต้ตา แนวกระดูกเบ้าตา เส้นเอ็นที่พยุงอยู่บริเวณใต้ตา เมื่อฉีดฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็ง ก็เหมือนกับการปรับฐานใต้ตาให้ดูตื้นขึ้น จึงทำให้ถุงใต้ตาเรียบเนียนขึ้น ใต้ตาดูตื้นขึ้น ผิวอิ่มฟูมากขึ้น และดูเป็นธรรมชาติด้วย ซึ่งฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการเติมเต็มใต้ตาในชั้นลึก เพื่อแก้ไขปัญหาตาลึก ถุงใต้ตาหย่อน มีด้วยกันดังนี้

• Neuramis Deep 
• Restylane Classic
• Restylane Lyft
• Restylane Defyne
• Juvederm Voluma
• Juvederm Volift
• Flore Full N
• e.p.t.q S500

การแก้ไขปัญหาใต้ตาในชั้นตื้น

การแก้ไขปัญหาใต้ตาในชั้นตื้น จะเป็นการใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อนิ่ม มีโมเลกุลขนาดเล็ก เพื่อเข้าไปจัดการปัญหาริ้วรอย บริเวณรอบ ๆ ดวงตา เก็บรายลัเอียดเพิ่มเติม หลังจากที่เติมฟิลเลอร์ในใต้ตาชั้นลึกมาแล้ว เพื่อให้ผิวที่บริเวณใต้ตามีความเรียบเนียนมากขึ้น และการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในชั้นตื้น ยังเหมาะกับเคสที่ไม่ได้มีปัญหาใต้ตาที่ลึกมากนัก แต่ต้องการปรับใต้ตาให้เรียบเนียนและดูอิ่มฟูขึ้น ซึ่งจะเป็นการฉีดในลักษณะของฟิลเลอร์ที่เป็น Skin Booster แต่การฉีดในชั้นตื้น ไม่ควรเติมในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เวลายิ้ม แล้วมองเห็นฟิลเลอร์เป็นก้อนดได้ และฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการเติมใต้ตาในชั้นตื้น จะมีด้วยกันดังนี้

• Restylane Vital Light 
• Juvederm Volite 
• Yvoire Classic Plus
• Flore Full S
• e.p.t.q S100

ในการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ว่าจะเป็นใต้ตาในชั้นลึก หรือการเติมในใต้ตาชั้นตื้น จะมีการประเมินจากแพทย์ เพื่อให้ทราบปัญหา และเลือกใช้ฟิลเลอร์ให้เหมาะสม เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด และมีผลลัพธ์ที่ดี ดูเป็นธรรมชาติ ใต้ตาไม่เป็นก่อน และในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้ารับบริการกับ สภานพยบาล คลินิก ที่มีความน่าเชื่อถือ มีแพทย์ที่มีความชำนาญด้าน ฟิลเลอร์ เพราะบริเวณใบหน้าเป็นจุดสำคัญ ที่มีเส้นเลือดแดง มีเส้นเลือดที่เชื่อมโยงกับดวงตาอยู่ ถ้าหากฉีดพลาด หรือมีเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง แม่นยำ ก็อาจจะส่งผลทำให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือด ถ้าหากไม่มีการรักษาอย่างทันท่วงที ก็ทำให้ตาบอดได้ในที่สุด