ยอมรับเลยว่าเทรนสายฝอ มาแรงแซงทางโค้งมากในปัจจุบัน ส่งผลให้สาวๆเริ่มมีเทรนการแต่งตัว แต่งหน้า รวมไปถึงการ ทำตา หรือทำศัลยกรรมยกหางตา หรือ Foxy Eyes เพื่อให้หางตาดูเฉี่ยว เซ็กซี่ แบบตัวมัม แต่จริงๆแล้วการยกหางตาไม่มีแต่กลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น ที่ใช้เทคนิคนี้เพื่อความสวย ปัง

แต่ทุกคนรู้หรือไม่ ว่าการทำ Foxy Eyes ไม่ได้แค่ทำให้ตาเราสวย เซ็กซี่ สายฝอ เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสาวๆหนุ่มๆ วัย40+ ที่นิยมใช้เทคนิคนี้ในการแก้ปัญหาเรื่องหนังตาตก และความหย่อนคล้อยบริเวณหางตา หางคิ้ว เพราะเชื่อว่าจะทำให้ดูเด็ก อ่อนวัยขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ ใบหน้าส่วนกลางดูกระชับ ริ้วรอยตีนกาลดลง โดยการยกตาให้คล้ายตาเมล็ดอัลมอนด์ เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตาคู่สวยของเรา และยังช่วยแก้ไขปัญหา หางตาตก หางตาคว่ำ คิ้วตก คิ้วชี้ลง หรือคิ้วไม่เท่ากันอีกด้วย

จริงๆการ ทำตา Foxy Eyes ยกตาเฉี่ยว มีวิธีการทำหลายวิธีมากไม่ว่าจะเป็นการร้อยไหม การยกกระชับ และการผ่าตัดศัลยกรรม ที่ในปัจจุบันเป็นอีก 1 วิธี ที่ได้รับความนิยมมาก เพราะให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่าวิธีอื่นๆ และเห็นผลชัดเจนกว่า

การผ่าตัด Foxy Eyes

การศัลยกรรมประเภทนี้ จะสามารถอยู่ได้คงทนถาวรกว่าเทคนิคอื่น ๆ  จึงทำให้คนไข้หลายท่าน หันมาให้ความสนใจกับวิธีการผ่าตัดมากขึ้น เพราะวิธีนี้ เจ็บแต่จบในครั้งเดียว ไม่ต้องมาทำบ่อย เหมือนวิธีอื่นๆ และสามารถทำศัลยกรรมร่วมกับการดึงหน้าส่วนอื่นได้ เช่น ยกคิ้ว หรือดึงหน้าส่วนบนอีกด้วย แต่ในขณะเดียวกัน การศัลยกรรมผ่าตัดยกหางตาก็มีข้อเสีย คือ ต้องใช้เวลาพักฟื้นเพื่อให้แผลผ่าตัดหายสนิท และตัดไหมตามที่แพทย์ได้ทำการนัดหมาย และผลลัพธ์ของการทำจะเข้าที่ในเวลา 6 เดือน ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และไม่มีมีเวลาพักฟื้น รวมไปถึงคนที่กลัวการผ่าตัด 

ขั้นตอนการผ่าตัด Foxy Eyes

เริ่มแรกเลยคือ ศัลยแพทย์จะออกแบบและประเมินความสูงของหางตาที่จะยกขึ้นไป จากนั้นก็จะเริ่มเปิดแผลขนาดเล็กบริเวณแนวผมข้างขมับ เลาะชั้นกล้ามเนื้อ SMAS บริเวณโหนกคิ้ว เพื่อทำการดึงยกหางตาให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ

และใช้วิธีการยึดด้วยไหมพิเศษทางการแพทย์สำหรับล็อกหางตา ตามด้วยการตัดเก็บผิวหนังส่วนเกินออก และสุดท้าย ท้ายสุดคือการเย็บปิดแผลถ้าเป็นเทคนิคแผลตามแนวไรผม ศัลยแพทย์ก็จะเย็บปิดแผลด้วยไหม แต่ถ้าเป็นเทคนิคเปิดแผลในไรผมก็จะใช้แม็กซ์ทางการแพทย์แทนการใช้ไหมเย็บ เพื่อรักษารากผม

มาถึงคำถามยอดฮิตคือ “การผ่าตัดมีแผลตรงไหนบ้าง”

แผลจากการผ่าตัด Foxy Eyes จะเกิดขึ้นจากบริเวณที่เปิดแผลตามแนวไรผม และในไรผม ซึ่งจริงๆ ก่อนผ่านตัด ศัลยแพทย์จะทำการโกนผมบริเวณนั้นๆออก เพื่อให้การเย็บแผลดูสวย เนี๊ยบ เป็นระเบียบ (ซึ่งเทคนิคนี้เป็นเทคนิคเฉพาะบุคคล) และเเผลจะค่อยๆจางหายไปตามการเวลา ซึ่งใช่เวลาจริงๆประมาณ 2-3 เดือน คุณอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด Foxy Eyes

1. แจ้งประวัติการแพ้ยา หรือโรคประจำตัว ยาที่กินประจำหรือประวัติแพ้ยา รวมถึงอาหารเสริมที่กินประจำ
2. งดรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ได้แก่    ยาสเตียรอยด์,ยาแก้ปวด,ยาลดกล้ามเนื้ออักเสบ วิตามินและอาหารเสริมทุกชนิด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนทำศัลยกรรม
3. งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนศัลยกรรม เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
4. การผ่าตัด Foxy Eyes จะใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องงดน้ำหรืออาหารสามารถรับประทานได้ตามปกติ
5. พักผ่อนหลับให้เพียงพอ ก่อนผ่าตัด เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม
6. ควรสระผมให้เรียบร้อยก่อนการผ่าตัด
7. งดใส่คอนแทคเลนส์ งดการแต่งหน้า ทาเล็บ หรือใส่เครื่องประดับในวันผ่าตัด
8. ควรใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบายในวันผ่าตัด ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่อึดอัดหรือรัดแน่นจนเกินไป

การดูแลตัวเองหลังทำศัลยกรรม

1. รับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง
2. ถอดผ้ารัดศีรษะหลังทำครบ 24 ชั่วโมง และล้างแผลด้วยน้ำเกลือ และทายาฆ่าเชื้อโดยใช้คอตตอนบัตเช็ดแผลเบา
3. ประคบเย็น ใน 1 – 2 วันแรก หลังจากนั้น ให้ประคบอุ่นต่อ อีก 1 – 2 วัน
4. นอนหนุนหมอนสูงเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อลดอาการบวม ช้ำ ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังผ่าตัด
5. สัปดาห์แรก ควรพักผ่อนมากๆ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย และระวังการกระทบกระแทก
6. ไม่ควรรับประทานอาหารแสลง เช่น ของดอง อาหารทะเล สมุนไพรบางประเภท วิตามิน หรือยาบางประเภท ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ อักเสบ หรือทำให้แผลหายช้า
7. ห้ามไม่ให้บาดแผลโดนน้ำจนกว่าจะมีการตัดไหม หลังจากนั้นล้างหน้าได้ตามปกติ งดล้างหน้าหรือถูหน้าแรงๆ
8. ติดตามผลโดยเข้าพบคุณหมอตามใบนัดหมายทุกครั้ง

สรุปแล้วการทำ Foxy Eyes ก็ถือได้ว่าเป็นเทรนด์ความงามที่กำลังได้รับความนิยม และผลลัพธ์ที่ออกมาค่อนข้างสร้างความพอใจ ให้กับลูกหลายคน เพราะจะช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก ดวงตาดูโศกไม่สดใส ให้กลับมาโฉบเฉี่ยว คม และมีเสน่ห์ แต่ก็ใช่ว่าจะเหมาะกับทุกคน เพราะแต่ละคนก็มีจุดเด่นบนใบหน้าที่แตกต่างกันออกไป  แนะนำก่อนตัดสินใจทำควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อให้แพทย์ช่วยวิเคราะห์ ออกแบบใบหน้าให้ และให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีการที่เหมาะสม ข้อดี ข้อเสีย ของแต่ละหัตถการให้ดีก่อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังทำที่พึงพอใจมากที่สุด จะได้ไม่เสียเงินฟรี และจะมาเสียดายเงินทีหลังด้วยน้า