ทำไมต้องให้คุณหมอประเมินก่อน ฉีดฟิลเลอร์ปาก ?

จะรู้ได้อย่างไร ว่าเราควร ฉีดฟิลเลอร์ปากกี่ cc ? หรือทรงปากไหน ที่เหมาะกับเรา ? และฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน ที่เหมาะสมที่สุด ? มาดูคำแนะนำดี ๆ ว่า ทำไมคุณต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ ประเมินก่อน ฉีดฟิลเลอร์ปาก ทุกครั้ง

ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการใช้ฟิลเลอร์ ที่เป็นสารเติมเต็มประเภท กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกว่า HA ซึ่งมีจุดเด่นคือ คุณสมบัติในการอุ้มน้ำ จะทำให้ผิวบริเวณที่ฉีด เข้าไปมีความเต่งตึง อวบอิ่ม และดูชุ่มชื้น ในการฉีดที่ริมฝีปาก จะทำเพื่อเพิ่มเนื้อปาก และปรับโครงสร้างริมฝีปาก ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ริมฝีปากอวบอิ่ม และเป็นรูปทรงที่สวยงาม ตามทรงปากที่แพทย์ได้ประเมินเอาไว้ นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ ยังช่วยเติมเต็มร่องปาก หรือริ้วรอยรอบ ๆ ริมฝีปากได้ดีอีกด้วย และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ ในทันทีหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ปาก คุณสามารถเลือกได้เองว่า อยากฉีดกี่ cc. แต่การฉีดฟิลเลอร์ที่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้ส่วนที่ฉีด ดูเวอร์เกินไป ไม่เป็นธรรมชาติ และไม่สมส่วนของใบหน้า ดังนั้นก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์ แต่ละจุด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนฉีดทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์ทำการวิเคราะห์ และประเมินโครงสร้างของใบหน้า เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูสมส่วน กับใบหน้า และปลอดภัยมากที่สุด

หลักการประเมิน การฉีดฟิลเลอร์ปาก หมอจะประเมินจากปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้ 

1. รูปทรงปากที่เหมาะสม กับแต่ละคน ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก หมอจะทำการประเมิน และคำนวณสัดส่วนฟิลเลอร์ ให้รับกับจุดอื่น ๆ บนใบหน้า ซึ่งปากแต่ละทรง จะมีความเหมาะสม ในแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป รูปทรงปากที่เหมาะกับคนไทยมี 3 ทรงหลัก ๆ ดังนี้

• ปากทรงเกาหลี : ทรงนี้จะเหมือนกับลูกเชอรี่ หรือที่เรียกกันว่า cherry lips จะเหมือนลูกเชอรี่ 2 ลูกอยู่ตรงกลางริมฝีปาก ทำให้ปากดูอวบอิ่ม เต็มฟู และยังทำให้หน้าดูเด็กลงอีกด้วย
• ทรงสายฝอ : หรือทรงปากแบบสาวฝรั่ง ซึ่งริมฝีปากล่างจะมีความอวบอิ่ม และริมฝีปากบน จะมีความเจ่อเล็กน้อย ทำให้ปากดูอวบอิ่ม เพิ่มความเซ็กซี่ได้มากขึ้น
• ทรงปากกระจับ : ริมฝีปากบนและริมฝีปากล่าง จะได้รูปทรงเท่ากันตามสัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio ร่องริมฝีปากบน จะเป็นรูปตัว M มีขอบหยักชัดเจน คมชัด ดูมีมิติ มุมปากยกขึ้น รับกับใบหน้า มีความโค้งเรียวสวยเหมือนผลกระจับ ทำให้หน้าดูหวาน ละมุนขึ้น

2. วิเคราะห์ปัญหาริมฝีปาก การฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมความมั่นใจ และเสริมบุคลิกภาพ เพราะสามารถทำให้หน้าดูโดดเด่น มีมิติมากขึ้น และสามารถทำได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย แพทย์จะทำการวิเคราะห์ปัญหาของริมฝีปาก หลัก ๆ ดังนี้ 

• คนที่มีปัญหาปากบนหนาใหญ่ หรือไม่เป็นทรง
• คนปากคว่ำ ทำให้หน้าดูดุ แก้ไขด้วยการ ทำปากกระจับ ยกมุมปากเพื่อให้ยิ้มสวยขึ้น และหน้าหวานขึ้น เหมือนยิ้มตลอดเวลา
• คนที่มีเนื้อปากบางมาก และต้องการทำให้เป็นทรง
• คนที่ปากไม่เท่ากัน เช่น คนที่เคยประสบอุบัติเหตุ หรือเคยผ่าตัดมาก่อน กรณีนี้คนไข้ต้องแจ้งแพทย์ก่อนว่า เคยผ่าตัดมาก่อน เพราะอาจจะมีเส้นเลือดบางส่วน โดนรอยแผล และมีพังผืด แพทย์จะเพิ่มความระมัดระวัง ในการฉีดฟิลเลอร์มากขึ้น และเคสนี้จะมีความเสี่ยง ในการฉีดฟิลเลอร์ อุดตันเส้นเลือดได้มากกว่าเคสปกติ

3. เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ และรุ่นที่เหมาะสม ในแต่ละปัญหาของริมฝีปาก ในปัจจุบันมี ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่หลากหลาย มีความแตกต่างกันออกไปและมีคุณประโยชน์ ที่ช่วยเติมเต็ม ในชั้นผิวที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนเติมฟิลเลอร์ปากเสมอ
4. จำนวน cc ของ ฟิลเลอร์ที่เหมาะสม โดยปกติแล้วฟิลเลอร์ปากจะเติมเพียง 1 cc.-2cc. แล้วแต่รูปทรงปาก ที่คุณหมอประเมิน ซึ่งหมอจะทำการประเมินเองทุกเคส

ส่วนประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์ปากก็ไม่ได้มีแค่เติมความอวบอิ่มให้แก่ริมฝีปากเท่านั้น แต่ยังช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ริมฝีปากและลดริ้วรอยร่องลึก ทำให้เรียบเนียน เวลาทาลิปสติกก็จะไม่ตกร่อง เห็นผลหลังทำทันทีไม่เสียเวลาพักฟื้น ไม่มีแผลหลังทำแต่อาจมีรอยเข็มเพียงเล็กน้อย สามารถหายเองได้  และได้รูปทรงปากที่ต้องการ

ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปากไม่อันตราย แต่ต้องคำนึงถึงฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น  เพราะแพทย์ที่มีประสบการณ์จะรู้เทคนิคในการฉีดที่ถูกต้องเพราะริมฝีปากประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กจำนวนมากต้องใช้ความระมัดระวังในการฉีดเพื่อไม่ให้ฟินเลอร์เกิดอุดตันเส้นเลือดหรือฉีดโดนเส้นเลือดที่อยู่รอบรอบริมฝีปาก แต่ถ้าเกิดการอุดตันเส้นเลือด ก็มีเทคนิคการแก้ไขเพราะในปัจจุบันสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์และแก้ไขให้กลับคืนมาได้ภายใน 7- 14 วัน เพราะฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปากควรฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เท่านั้น

หลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีอาการบวมหลังฉีดเล็กน้อยและจะค่อยค่อยหายบวมประมาณ 4-5 วัน และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดประมาณ 1-2 สัปดาห์ อยู่ได้นาน 6- 12 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์และรุ่นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และที่สำคัญคือการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์