เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากจะมี แผลเป็น ไม่ว่าจะเป็นแผลเป็นขนาดเล็ก หรือแผลเป็นนูนขนาดใหญ่อย่าง คีลอยด์ ที่เป็นก้อนเนื้อขยาย เกินขอบเขตแผลเดิม เป็นที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน มีหลายคนที่มีคีลอยด์ แล้วทำให้ความมั่นใจลดลง เนื่องจากเกิดแผลเป็น ในจุดที่มองเห็นได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นที่บริเวณใบหู ลำคอ หัวไหล่ หรือตามแขนตามขา ซึ่งความกังวลเหล่านี้สามารถจัดการด้วยการรักษา แผลเป็นคีลอยด์ อย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยทาง UD Clinic เรามีโปรแกรมการรักษาแผลเป็น Keloid เพื่อให้ผิวของคุณกลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง
คีลอยด์ คือแผลเป็นรูปแบบหนึ่ง ที่สามรถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นจากแผลผ่าตัด แผลที่เกิดจากอุบัติเหตุ แผลจากการเป็นสิว แผลจากการเป็นอีสุกอีใส หรือแม้แต่การเจาะหู ก็สามารถทำให้เกิด แผลคีลอยด์ได้ ซึ่งแผลคีลอยด์จะแตกต่าง จากแผลเป็นแบบทั่วไป คือ เนื้อที่บริเวณแผลเป็นจะมีลักษณะนูนขึ้นมา ในบางครั้งก็พบว่าก้อนเนื้อที่นูนขึ้นมา นี้มีขนาดใหญ่ และสามารถลุกลามขยายขอบเขตแผลไปได้มากขึ้นด้วย
แผลเป็นคีลอยด์ เป็นปัญหาผิวที่รักษาได้ค่อนข้างยาก และมีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก เมื่อมีอาการบาดเจ็บที่ผิวหนัง และการรักษาแผลเป็น คีลอยด์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะมีการรักษาด้วยวิธีมาตรฐาน ทั้งการใช้ยาฉีด ซึ่งเป็นตัวยา Triamcinolone acetonide (ไตรแอมซิโนโลน อะเซโทไนด์) ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ หลังจากที่ฉีดไปแล้วแผลเป็นนูนจะยุบลง แผลที่แข็งจะนุ่มลง และอีกวิธีการรักษาที่ถูกใช้ หลังจากที่รักษาด้วยการฉีดยาแล้วไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร นั่นก็คือ การผ่าตัดคีลอยด์
การผ่าตัดจะเป็นการนำเอาก้อนเนื้อคีลอยด์ออก หรือในบางเคสจะเป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดแผลเป็นนูนให้มีขนาดเล็กลง นั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่สิ่งสำคัญในการเลือกวิธีการผ่าตัด จะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า แผลจากการผ่าตัดก็มีความเสี่ยงที่จะกระตุ้น ทำให้เกิดการสร้างคีลอยด์ซ้ำได้อีก เพราะร่างกายตอบสนองกับแผลผ่าตัด ดังนั้นในการผ่าตัดคีลอยด์ จะต้องรักษาร่วมกับวิธีการอื่นด้วย เช่นรักษาร่วมกับการฉีดยาไตรแอมซิโนโลน อะเซโทไนด์ และหลังการผ่าตัดจะมีการใช้แผ่นผ้า หรือแผ่นซิลิโคนแปะลงบนแผล เพื่อกดแผลไว้นานประมาณ 12-24 ชั่วโมง
ในการรักษาแผลเป็นคีลอยด์อาจจะต้องใช้วิธีการรักษา 2-3 วิธี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามแผลเป็นคีลอยด์ สามรถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก การป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็นที่ดีที่สุด ก็คือ การหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บของผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็น การงดสัก งดแกะหรือบีบสิว และเมื่อเกิดบาดแผลจะต้องมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ทั้งการทำความสะอาดแผล การทำให้แผลแห้ง ไม่แกะไม่เกา และปล่อยให้แผลหายเอง จากนั้นจึงใช้ซิลิโคนเจลทาแผล เพื่อป้องกันการเกิดคีลอยด์