รู้หรือไม่ ? ว่าแดดแรง ๆ ของประเทศไทยสามารถทำร้ายผิว ได้มากถึงผิวชั้นลึก ถ้าหากไม่มีการดูแลผิวที่ดีมากพอ สัญญาณเตือนที่แสดงให้เห็นว่า ผิวถูกทำร้ายโดยแสงแดด อาจจะเริ่มสังเกตเห็น กระ ที่มีลักษณะ เป็นจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ บนใบหน้า หรือแม้กระทั่ง ฝ้า รอยคล้ำบนใบหน้า จุดด่างดำต่าง ๆ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาเจาะลึก รายละเอียดของการเกิด กระ และการรักษากระ เพื่อให้คุณมีผิวหน้าที่กระจ่างใส ไร้จุดด่างดำ รวมไปถึงการป้องกันการเกิดกระ เพื่อไม่ให้จุดดำเหล่านี้กระจายตัวเพิ่มมากขึ้น
กระ (Freckles)
“กระ” เกิดขึ้นจากการทำงานที่ผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน ซึ่งมีแสงแดดเป็นตัวกระตุ้น แสงยูวี ที่อยูในแสงแดดจะ ทำให้เซลล์เม็ดสี เมลานิน มีการผลิตเม็ดสีขึ้นมาอย่าไม่สม่ำเสมอ มีการสร้างเซลล์เม็ดสีที่มากเกินไป ผิวหน้าจึงเกิดเป็น จุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลกระจายตัวอยู่ ไม่เพียงแค่ใบหน้าเท่านั้น กระยังสามารถเกิดขึ้นได้ตามบริเวณลำตัว ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และกระมักเกิดในคนผิวขาวมากว่า คนที่มีผิวคล้ำ
สาเหตุหลักของการเกิดกระ
แน่นอนว่ากระ ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากแสงแดด แต่ก็มีอีกหลายสาเหตุที่สามารถทำให้เกิดรอยกระบนผิวหน้าได้เช่นกัน ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาผิว เกิดเป็นกระบนใบหน้ามีด้วยกันดังนี้
- แสงแดด : เป็นที่ทราบกันดีว่าในแสงแดดมีรังสียูวีอยู่ ทั้งยูวีเอ และยูวีบี ซึ่งมีผลต่อการทำงานของเม็ดสีเมลานิน โดยเฉพาะแดดจัด ที่มีความเข้มของรังสียูวี จะทำให้เม็ดสีถูกผลิตขึ้นมามากผิดปกติ จึงเกิดเป็นจุดด่างดำบนผิว รวมไปถึงเกิดเป็นกระ จุดสีน้ำตาล กระจายอยู่ทั่วทั้งผิวหน้าและ บริเวณอื่น ๆ ที่โดนแสงแดดเป็นเวลานาน
- พันธุกรรม : การมีกระ เป็นลักษณะทางพันธุกรรม ที่สามารถถ่ายทอดได้ ถ้าหากสมาชิกในครอบครัว เช่น พ่อแม่ หรือ ปู่ย่า ตายาย มีกระ จุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ บนผิว ก็มีแนวโน้มเป็นอย่างมากว่าคุณจะมีกระ เช่นเดียวกันกับคนในครอบครัว
- แสงสีฟ้า : แสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แท็ปเลต และหน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่เราต้องพบเจอกันอยู่เป็นประจำ ทั้งเวลาที่อยู่บ้านหรือเวลาทำงาน แสงเหล่านี้ก็มีผลต่อการทำงานของเม็ดสีผิวด้วยเช่นกัน ทั้งนี้รวมไปถึงแสงไฟ และแสงจากหน้าจอทีวีด้วย
- ฮอร์โมน : ฮอร์โมนเพศหญิงอย่าง เอสโตรเจน หรือโพรเจสเตอโรน จะทำให้การผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น จนทำให้ผิวเกิดเป็นรอยดำทั้งฝ้า และกระ ยิ่งเฉพาะในช่วงที่ฮอร์โมนเพศหญิงมีการเปลี่ยนแปลงอย่าง ช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือการรับประทานยาคุมกำเนิด จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมถึงพบว่าผู้หญิงมีโอกาสเป็นกระ มากกว่าผู้ชายสูงถึงร้อยละ 80
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น : จุดด่างดำ อย่างฝ้า และกระ จะเริ่มสังเกตเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น นั้นเป็นเพราะเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และการสัมผัสกับแสงแดดที่สะสมมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
- ความเครียด : ความเครียด เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวถูกทำร้าย การที่มีความเครียดสะสม ร่างกายแปรปรวน มีส่วนสัมพันธ์กับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้เกิดความไม่สมดุล การทำงานของเม็ดสีเกิดความผิดปกติ ทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไป และสะสมจนเกิดเป็นฝ้า และกระได้
- การไม่ทาครีมกันแดด : การไม่ใช้ครีมกันแดด เมื่อต้องออกไปกลางแจ้ง เปรียบเสมือนการไม่มีเกราะป้องกันผิวจากแสงแดด และมลภาวะต่าง ๆ ทำให้ผิวถูกทำร้ายได้โดยตรง ผิวจึงเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดปัญหาผิวตามมา ไม่เพียงแค่จุดด่างดำ หรือกระ เท่านั้น แต่รวมไปถึงริ้วรอย ความเหี่ยวย่น ที่จะเกิดขึ้นกับผิวด้วย
ประเภทของกระทั้ง 4 ชนิด
- กระตื้น : กระตื้นส่วนใหญ่แล้วจะมีสาเหตุมาจาก การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ที่ทำให้เซลล์เม็ดสี มีความไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ ทำให้พบกระ ลักษณะตุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และถ้าหากว่าสัมผัสกับแสงแดดเป็นประจำ สีของกระก็จะเข้มขึ้นตามไปด้วย และมีการกระจายตัวมากขึ้นตามไปด้วย
- กระลึก : กระลึกนี้จะมีลักษณะคล้ายกับฝ้า ตรงที่มีสีน้ำตาล เทา ดำ มีขอบไม่ชัดเจน เกิดจากการที่เซลล์เม็ดสีที่ผิวชั้นหนังแท้ เกิดความผิดปกติ ซึ่งกระลึกจะชัดขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น หรือช่วงตั้งครรภ์ และเมื่ออายุมากขึ้นกระก็จะยิ่งชัดขึ้น
- กระเนื้อ : ลักษณะเป็นตุ่ม ก้อนเล็ก ๆ แตกต่างจากกระชนิดอื่น ที่เป็นแค่รอยสีน้ำตาลเฉย ๆ ตุ่มกระเนื้อนี้จะมีทั้งสีน้ำตาลอ่อน และสีน้ำตาลเข้ม พบที่บริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอก หลัง ซึ่งกระเนื้อนี้สามารถขยายใหญ่ขึ้นได้ จากตุ่มเล็ก ๆ ก็จะนูนและมีสีเข้มขึ้น กระเนื้อเกิดจากผิวหนังชั้นหนังกำพร้ามีการเจริญเติบโตที่มากผิดปกติ
- กระแดด : กระแดดจะมีลักษณะเป็นจุดสสีดำ หรือสีน้ำตาลที่มีขนาดเล็กมาก ๆ สังเกตเห็นขอบของรอยกระได้ชัด มักจะพบในบริเวณที่มีการสัมผัสกับแสงแดดอยู่เป็นประจำ เช่น ใบหน้า แขน ขา มักพบได้ในคนที่มีผิวขาว และคนที่มีอายุค่อนข้างมาก

วิธีการดูแลผิวเมื่อเป็นกระ
วิธีการรักษากระ และฝ้าจะค่อนข้างคล้ายกัน จะมีทั้งการรักษาด้วยการใช้ยาทา ที่มีลักษณะเป็นเนื้อครีม ตัวยาจะมีส่วนประกอบที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี นอกจากนี้ก็จะมีการรักษาด้วยการทำเลเซอร์ เพื่อการผลัดเซลล์ผิวแบบเร่งด่วน เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม แต่ผลการรักษาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อีกหนึ่งวิธี ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างเหมาะสมกับการรักษากระ นั้นก็คือการฉีดวิตามิน หรือการทำเมโสหน้าใส ที่บางสูตรจะมีตัวยาที่ส่งผลต่อการ ลดฝ้า กระ ได้โดยตรง แก้ไขปัญหาผิว อย่างเช่น ฝ้า กระ รอยดำ แบบเฉพาะจุด รวมถึงการทำเมโส ยังช่วยฟื้นบำรุงผิว แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง เสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว